วิธีง่าย ๆ ที่จะปกป้องลูกจากการจมน้ำ
สาระจาก THAI StemLife
การจมน้ำเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการเสียชีวิตของเด็ก ๆ ในประเทศไทย
ทำไมน้ำจึงอันตรายมาก?
เด็กทารกสามารถจมน้ำได้ในน้ำตื้นเพียง 5 เซนติเมตรภายในเวลาไม่กี่วินาที โดยส่วนใหญ่คุณอาจไม่ได้ยินเสียงตะโกน หรือเสียงน้ำกระฉอกเลย หากใบหน้าเด็กอยู่ในน้ำแล้วทุกวินาทีมีค่าเสมอ อันตรายทางน้ำเกิดได้ทุกที่ตั้งแต่สระน้ำ ชายหาด อ่างอาบน้ำ โรงเรียน ท่อระบายน้ำ แม่น้ำ ทะเลสาบหรือบ่อน้ำ น้ำมีอยู่ทั่วไปและเด็ก ๆ ส่วนใหญ่ก็ชอบเล่นน้ำ
อันตรายจากการจมน้ำ
เมื่อสมองขาดออกซิเจน ผลที่ตามมาคืออันตรายต่อสมองหรือการเสียชีวิต อาการขาดออกซิเจนที่เกิดจากการจมน้ำอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบประสาทอย่างรุนแรงต่อผู้รอดชีวิต ขณะที่ร่างกายขาดออกซิเจนเป็นเวลา 5 นาที เซลล์สมองจะเริ่มตาย ทำให้เกิดความเสียหายอย่างถาวรต่อระบบประสาท และเกิดอันตรายต่อร่างกายของผู้ป่วย
คุณจะปกป้องลูกได้อย่างไร?
พยายามปิดกั้นการเข้าถึงบริเวณที่มีแหล่งน้ำที่เด็กตัวเล็กจะสามารถเอาหน้าคว่ำจมน้ำได้เท่าที่จะทำได้ โดยใช้วิธีต่อไปนี้:
- ปิดภาชนะทุกชิ้นภายในบ้านที่มีน้ำและมีขนาดใหญ่พอที่ใบหน้าของเด็กจะคว่ำลงไปได้
- หากมีสระว่ายน้ำที่บ้าน ควรกั้นรั้วรอบสระน้ำที่มีความสูงพอเหมาะ และกั้นรั้วรอบบ่อปลาด้วย
- สำรวจบริเวณใกล้บ้านเพื่อหาจุดที่มีความเสี่ยง
- หากลูกน้อยมีโอกาสเข้าถึงสระว่ายน้ำ หรือบ่อน้ำ ไม่ควรทิ้งลูกเอาไว้โดยไม่มีคนดูแล
- สอนลูกให้ว่ายน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และใช้ทุ่นช่วยลอยน้ำ
โปรดทราบว่าเด็ก ๆ มักจะมีความพยายามและใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อหาทางลงน้ำหากพวกเขาตั้งใจจริง ๆ
ควรทำอย่างไรในกรณีที่เกิดการจมน้ำ?
ในการช่วยทารกจากการจมน้ำ การตอบสนองอย่างรวดเร็วนับเป็นเรื่องสำคัญมาก ควรทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ทันที:
- นำเด็กขึ้นจากน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้อย่างระมัดระวัง
- โทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน
- หากทารกหมดสติควรทำ CPR ทันที
- หากทารกมีสติแต่สำลักน้ำ ให้จับนอนตะแคงเพื่อให้น้ำที่หลงเหลืออยู่ในปากและจมูกไหลออกมา
- ทำร่างกายให้อบอุ่นในขณะที่รอความช่วยเหลือทางการแพทย์
- ในกรณีที่ขาดออกซิเจนและมีภาวะบาดเจ็บทางสมอง หากคุณได้ทำการเก็บสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือของลูก ให้ติดต่อผู้ให้บริการเพื่อที่จะได้เตรียมสเต็มเซลล์สำหรับการรักษา
- สังเกตอาการทารกอย่างใกล้ชิดเพื่อหาสัญญาณของภาวะบาดเจ็บทางสมองหลังเกิดอุบัติเหตุ
เมื่อมีการทำ CPR ทันที 66% ของผู้ป่วยที่จมน้ำมักรอดชีวิตแต่บ่อยครั้งก็มีความเสียหายที่เกิดจากการขาดออกซิเจน หรืออาจมีภาวะบาดเจ็บทางสมอง
ควรทำอย่างไรหากมีภาวะบาดเจ็บทางสมอง
มีงานวิจัยที่ชวนให้มีความหวังซึ่งจัดทำโดย THAI StemLife ผลการวิจัยพบว่าเลือดที่เก็บจากสายสะดือมีประสิทธิภาพในการช่วยรักษาภาวะบาดเจ็บทางสมองที่เกิดจากการจมน้ำหรืออุบัติเหตุอื่น ๆ เช่นการตกจากที่สูง อุบัติเหตุบนท้องถนน หรือสถานการณ์ที่มีการขาดออกซิเจนได้
อย่างไรก็ตาม โอกาสในการรักษาขึ้นอยู่กับเวลาด้วย เลือดจากสายสะดือจะต้องถูกนำมาใช้ภายใน 48 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ หากคุณได้เก็บเลือดสายสะดือไว้ ควรเลือกแบบที่สามารถจัดส่งเลือดได้ทันที นี่คือเหตุผลที่ THAI StemLife มีบริการตลอด 24 ชั่วโมงโดยมีสายด่วนสำหรับอุบัติเหตุฉุกเฉินเช่นนี้โดยเฉพาะ เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ในการลดความเสียหายลงได้ สำหรับผู้ที่ไม่ได้เก็บสเต็มเซลล์จากสายสะดือ สามารถใช้สเต็มเซลล์จากไขกระดูกมาช่วยในการรักษาได้เช่นกัน หากนำมาใช้อย่างทันท่วงที คุณสามารถติดต่อสายด่วนของ THAI StemLife ได้ที่เบอร์ +6681 340 7676
พาร์ทเนอร์ที่มะลิไว้ใจ
THAI StemLife เป็นบริษัทสเต็มเซลล์แห่งแรก และบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยเป็นบริษัทเดียวที่มีประสบการณ์ในการนำสเต็มเซลล์ไปใช้ในการช่วยชีวิตในสถานการณ์จริง และยังเป็นบริษัทเดียวที่เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับการรักษาภาวะบาดเจ็บทางสมองในเหตุฉุกเฉิน