การเก็บสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือในประเทศไทย : อัพเดทปี 2024
![การเก็บสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือในประเทศไทย : อัพเดทปี 2024](https://mali.me/wp-content/uploads/fly-images/481640/18-1-1000x566-c.jpg)
สเต็มเซลล์คืออะไร?
สเต็มเซลล์เป็นวัตถุดิบตั้งต้นของร่างกาย เป็นเซลล์ที่สร้างเซลล์อื่น ๆ ที่มีหน้าที่พิเศษทั้งหมด ภายใต้สภาวะที่เหมาะสมในร่างกายหรือในห้องปฏิบัติการ สเต็มเซลล์จะแบ่งตัวเพื่อสร้างเซลล์ที่เรียกว่า เซลล์ลูก เซลล์ลูกเหล่านี้จะกลายเป็นสเต็มเซลล์ใหม่หรือเซลล์พิเศษที่มีหน้าที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น เซลล์เม็ดเลือด เซลล์สมอง เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ หรือเซลล์กระดูก ทั้งนี้ ไม่มีเซลล์อื่น ๆ ในร่างกายที่มีความสามารถในการสร้างเซลล์ชนิดใหม่นอกจากสเต็มเซลล์
ทําไมสเต็มเซลล์ถึงมีความน่าสนใจมาก?
สเต็มเซลล์สามารถนำไปกลายสภาพเป็นเซลล์เฉพาะ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในคน เพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อหรือสร้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ได้รับผลกระทบจากโรคได้ ในปัจจุบันได้มีการนำการบำบัดด้วยสเต็มเซลล์มาใช้ในการรักษามะเร็งเม็ดเลือด และเริ่มประยุกต์ใช้เพิ่มเติมเพื่อรักษาโรคอื่น ๆ ตั้งแต่การบาดเจ็บของไขสันหลัง สมองพิการ เบาหวานชนิดที่ 1 พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ โรคหัวใจ อาการบาดเจ็บที่สมอง โรคข้อเข่าเสื่อม และอื่น ๆ อีกมากมาย
![เก็บสเต็มเซลล์](data:image/png;base64,iVBORw0KGgoAAAANSUhEUgAAASwAAAEsAQMAAABDsxw2AAAAA1BMVEUAAACnej3aAAAAAXRSTlMAQObYZgAAACJJREFUGBntwTEBAAAAwiD7p14KP2AAAAAAAAAAAAAAANwELbQAAZOJhkQAAAAASUVORK5CYII=)
ประเภทของสเต็มเซลล์: ประเภทไหนดีที่สุด?
สเต็มเซลล์ของมนุษย์สามารถมาจากเซลล์ใดก็ได้ที่มีชีวิต อย่างไรก็ตาม เมื่อสเต็มเซลล์มีอายุมากขึ้น ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนเป็นเซลล์อื่น ๆ ก็เสื่อมลง นี่คือเหตุผลที่สเต็มเซลล์จากตัวอ่อนมีศักยภาพมากกว่าสเต็มเซลล์จากผู้ใหญ่ สเต็มเซลล์ที่มีศักยภาพมากที่สุดเรียกว่า omnipotent และได้มาจากไข่ที่ปฏิสนธิจากการปฏิสนธินอกร่างกาย (IVF) สเต็มเซลล์ที่มีศักยภาพมากเป็นอันดับสอง เรียกว่า pluripotent และสามารถมาจากตัวอ่อนหรือเลือดจากสายสะดือ ที่มาของสเต็มเซลล์มี 3 แหล่งหลัก ๆ ที่นำมาใช้ในการบำบัด ได้แก่:
- สเต็มเซลล์จากตัวอ่อน มาจากตัวอ่อนที่มีอายุ 3 ถึง 5 วัน ในช่วงเวลานี้ ตัวอ่อนจะถูกเรียกว่า บลาสโตซิสต์ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเซลล์ประมาณ 50-150 เซลล์ ข้อดีของสเต็มเซลล์จากตัวอ่อนคือสเต็มเซลล์มีศักยภาพสูงมาก แต่การเก็บสเต็มเซลล์จากตัวอ่อนแบบนี้ จะเกิดขึ้นได้จากการทำลายตัวอ่อนเท่านั้น
- สเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือ เนื้อเยื่อสายสะดือ และน้ำคร่ำเป็น pluripotent ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสเต็มเซลล์จำนวนมากขึ้น และสามารถกลายเป็นเซลล์ชนิดใดก็ได้ในร่างกาย เช่นเดียวกันกับ สเต็มเซลล์ของตัวอ่อน เนื่องจากการใช้สเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือไม่เป็นอันตรายต่อทารก วิธีนี้จึงได้รับความนิยมมากขึ้น
- สเต็มจากไขกระดูก ในกรณีที่ไม่ได้มีการเก็บสเต็มเซลล์ตั้งแต่แรกเกิด จะสามารถเก็บสเต็มเซลล์ได้จากไขกระดูก ซึ่งต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อนและสร้างความเจ็บปวดมากกว่า เมื่อเทียบกับการเก็บสเต็มเซลล์ทันทีหลังคลอด จึงมักใช้การเก็บแบบนี้กับผู้ใหญ่เท่านั้น โดยสเต็มเซลล์ที่มีอายุมากกว่า ก็จะมีโอกาสสูญเสียประสิทธิภาพในการรักษาไปด้วย
หมายเหตุ: สเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือ ไขกระดูก และสเต็มเซลล์จากกระแสเลือด ถือเป็นสเต็มเซลล์เม็ดเลือด (HSC) ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในการรักษาระบบภูมิคุ้มกันและโรคที่เกี่ยวข้องกับเลือด เนื้อเยื่อสายสะดือมีสเต็มเซลล์ mesenchymal (MSC) ซึ่งไม่สามารถแทนที่เลือดสายสะดือในการปลูกถ่ายไขกระดูกได้ แต่สามารถใช้เพื่อการฟื้นฟู โรคเกี่ยวกับความงาม ความสวยงาม และความเสื่อมของข้อต่อ เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม
ทําไมคุณพ่อคุณแม่ถึงเก็บเลือดจากสายสะดือของลูกไว้?
การตัดสินใจเก็บเลือดจากสายสะดือเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล ผู้ปกครองบางคนเลือกเก็บเพราะเซลล์ในเลือดจากสายสะดือเหมาะกับทารกคนนั้นที่สุด และสามารถนำมาใช้เพื่อช่วยให้ลูกรอดจากภัยคุกคามทางสุขภาพที่ร้ายแรง เช่น ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันหรือปัญหาเกี่ยวกับการเผาผลาญ ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าโอกาสที่เด็กจะต้องการ สเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือของตัวเองอยู่ที่ประมาณ 1 ใน 2,700 ซึ่งจำนวนนี้ยังถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างต่ำ แต่วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ก็อาจทำให้ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสําคัญ
มีการใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาโรคจริงหรือไม่?
เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ถูกนํามาใช้เพื่อรักษา ผู้ป่วย เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และเมื่อไม่นานมานี้สเต็มเซลล์ถูกนําไปใช้กับการแพทย์ด้านอื่น ๆ อีกมากมาย
การประยุกต์ใช้สเต็มเซลล์ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา:
- ปี คศ.1988: การปลูกถ่ายเลือดสายสะดือ (CBT) ที่ประสบ ความสําเร็จครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 1988 กับเด็กชาวฝรั่งเศสที่ป่วย จากความผิดปกติของเลือด “Fanconi’s Anemia”
- ปี คศ. 2002: นักวิจัยประสบความสําเร็จในการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เข้าไปในดวงตาที่เสียหายเพื่อฟื้นฟูการมองเห็น
- ปี คศ. 2012: การบําบัดด้วยสเต็มเซลล์ถูกนํามาใช้ในการจัดการกับภาวะแทรกซ้อนจากการปลูกถ่ายอวัยวะในผู้ป่วยเด็ก
- ปี คศ. 2020: การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ สําหรับผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บที่ไขสันหลังอย่างรุนแรง
- ปี คศ. 2021: FDA อนุมัติการทดลองทางคลินิกครั้งแรกสําหรับ การรักษาด้วยสเต็มเซลล์เพื่อฟื้นฟูเซลล์สมองที่หายไปในผู้ที่เป็นโรคพาร์กินสันระยะลุกลาม
- ปี คศ. 2022: การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ของเลือดจากสายสะดือช่วยรักษาผู้หญิงรายหนึ่งจาก HIV
จริงหรือไม่?: การบําบัดด้วยเลือดจากสายสะดือสามารถรักษาออทิสติกได้
จากผลการทดลองทางคลินิกที่ใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับประสิทธิผลของ การรักษาออทิสติกในปัจจุบัน มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่สนับสนุน การบำบัดภาวะออทิซึมด้วยเลือดจากสายสะดือ การศึกษาจากทีมวิจัยของมหาวิทยาลัย Duke ได้สุ่มให้เด็กออทิสติกจำนวน 180 คน อายุระหว่าง 2 ถึง 7 ปี ได้รับเลือดจากสายสะดือหรือยาหลอกเป็นจำนวน 1 ครั้ง ผลการวิจัยได้รับการตีพิมพ์ในเดือนพฤษภาคม 2020 ใน The Journal of Pediatrics และพบว่ามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์น้อยมากสำหรับการกล่าวอ้างว่าสเต็มเซลล์สามารถใช้ในการรักษาโรค ออทิสติกสเปกตรัมได้
เหตุใดจึงมีตัวอย่างการใช้สเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือค่อนข้างน้อย?
จนถึงปัจจุบันมีการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือมากกว่า 35,000 ครั้งทั่วโลก โดยมีสองเหตุผลหลักว่าทำไมตัวเลขจึงไม่มากกว่านี้ มีความเป็นไปได้ต่ำในการค้นหาสเต็มเซลล์ที่มีความเหมาะสมทางกายภาพ โดยสถิติจากธนาคารสเต็มเซลล์ของรัฐในปี 2021 พบว่าในจำนวนผู้บริจาคสเต็มเซลล์ 5,000 คน จะสามารถจับคู่สเต็มเซลล์ที่มีความเหมาะสมทางกายภาพไปใช้รักษาให้กับผู้ป่วยได้ 1 ราย เด็กส่วนใหญ่ที่ได้รับการเก็บสเต็มเซลล์ยังอายุน้อยอยู่ ทำให้มี ความเป็นไปได้ต่ำที่พวกเขาจะต้องใช้เซลล์ในการรักษาโรคที่มัก เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุมาก เทคโนโลยีนี้ยังเป็นเรื่องที่ใหม่มากและต้องการข้อมูลงานวิจัยทางคลินิกเพิ่มเติม สมาชิกในวงการแพทย์หลายคนเชื่อว่าการรักษาด้วย สเต็มเซลล์วิธีอื่น ๆ อีกมากมายอาจถูกนำมาเผยแพร่และใช้จริงในอนาคตอันใกล้นี้
ใครสามารถใช้สเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือของลูกของคุณได้บ้าง?
- สเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือไม่สามารถใช้รักษาโรคทางพันธุกรรมของลูกได้ คือโรคที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด เพราะเซลล์นั้นมียีนเดียวกันที่ทำให้เกิดโรคตั้งแต่แรก ด้วยเหตุผลดังกล่าว สเต็มเซลล์ของบุตรหลานของคุณจึงไม่สามารถนำมาใช้รักษาตัวเองได้ในกรณีที่เป็น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในบางกรณี อย่างไรก็ตาม เซลล์เหล่านี้ยังมีโอกาสที่จะสามารถนำมาใช้เพื่อรักษาโรคอื่น ๆ ของเจ้าของ หรือรักษาโรคทางพันธุกรรมของผู้ที่มีความเหมาะสมทางชีวภาพ เช่น พี่น้อง
- สเต็มเซลล์จากผู้บริจาคต้องตรงกับผู้รับเสมอ โดยหากไม่มีความเหมาะสมทางชีวภาพ ระบบภูมิคุ้มกันของผู้รับอาจคิดว่าสเต็มเซลล์เป็นผู้บุกรุกที่ต้องการโจมตีร่างกาย และสเต็มเซลล์อาจทำงาน ล้มเหลว เติบโตอย่างผิดปกติ หรืออาจจะกลายเป็นเซลล์พิเศษประเภทอื่นในส่วนที่ไม่ได้ใช้ในการรักษา ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงธนาคารเซลล์เอกชนหรือไม่สามารถใช้เซลล์จากธนาคาร ส่วนตัวได้ จำเป็นต้องค้นหาสเต็มเซลล์ที่ตรงกันผ่านเครือข่ายของธนาคารสาธารณะเท่านั้น
วิธีเก็บสเต็มเซลล์หลังคลอดเป็นอย่างไร?
การเก็บสเต็มเซลล์ทำได้อย่างรวดเร็วและไม่เจ็บปวด
การเก็บเลือดจากสายสะดือ และเนื้อเยื่อสายสะดือ:
หลังจากที่ทารกคลอดแล้ว แพทย์หรือผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ จะปิดสายสะดือโดยใช้ที่หนีบ จากนั้นแพทย์จะใช้เข็มเจาะเลือดใส่ลงไปในถุงปลอดเชื้อ ซึ่งถุงนี้จะถูกปิดผนึกก่อนที่รกจะถูกนำออกมา บางครั้งแพทย์จะเอียงสายสะดือเพื่อให้เลือดไหลลงมาในถุง เราจะสามารถเก็บเลือดจากสายสะดือที่อุดมไปด้วยสเต็มเซลล์ได้ครึ่งถึงหนึ่งถ้วย และ ถ้าหากคุณเลือกที่จะเก็บเนื้อเยื่อสายสะดือ แพทย์จะจัดเก็บแยกต่างหาก ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ต้องทำให้เสร็จสิ้นภายใน 15 นาทีแรกของ การคลอด
การเก็บสเต็มเซลล์รก:
หากคุณต้องการเก็บรวบรวมสเต็มเซลล์จากรก กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นในขั้นตอนที่สองของการคลอด เมื่อรกออกมาแล้ว เนื้อเยื่อรกจะถูกแบ่งและเก็บไว้ในถุง ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาถึง 60 นาที
เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่แพทย์เก็บสเต็มเซลล์?
เมื่อสเต็มเซลล์ถูกเก็บเรียบร้อยแล้ว ก็จะถูกนำไปเก็บไว้ที่ธนาคารสเต็มเซลล์ ซึ่งขั้นตอนการเก็บจะประกอบไปด้วยการแช่แข็งเลือดจากสายสะดือและเนื้อเยื่อรกในลักษณะที่จะสามารถนำมาทำให้ละลายได้ในภายหลัง โดยใช้สารประกอบที่ช่วยให้สามารถสกัดสเต็มเซลล์ที่มีชีวิตได้
หมายเหตุ: การเก็บรกรวมกับเลือดจากสายสะดือและเนื้อเยื่อจะทำให้มีปริมาณและประเภทของสเต็มเซลล์มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และ เนื่องจากธนาคารสเต็มเซลล์เอกชนส่วนใหญ่ในประเทศไทยได้จ่ายเงินให้แพทย์ในโรงพยาบาลสำหรับขั้นตอนดังกล่าวและได้รวมค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ไว้ในแพ็กเกจแล้ว คุณจึงไม่ควรมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับขั้นตอนนี้
ความแตกต่างระหว่างเลือดสายสะดือและเนื้อเยื่อสายสะดือคืออะไร?
สายสะดือมีสององค์ประกอบ 2 อย่างคือ เลือดสายสะดือและเนื้อเยื่อสายสะดือ เลือดสายสะดือคือเลือดที่พบในสายสะดือ และ เนื้อเยื่อสายสะดือหมายถึงสายสะดือนั่นเอง เลือดจากสายสะดือและเนื้อเยื่อสายสะดือเป็นแหล่งของสเต็มเซลล์ที่แตกต่างกันอย่างน้อยสองประเภท ซึ่งเป็นสาเหตุที่ผู้ปกครองบางคนเลือกที่จะเก็บรักษาทั้งเลือดสายสะดือและเนื้อเยื่อสายสะดือ
ความแตกต่างระหว่าง HSC และ MSC:
- เลือดสายสะดือเป็นแหล่งที่ดีของสเต็มเซลล์เม็ดเลือด (HSC) ซึ่งผลิตเซลล์ทั้งหมดในเลือด มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการรักษาระบบภูมิคุ้มกันและโรคเกี่ยวกับเลือด
- เนื้อเยื่อสายสะดือประกอบด้วยสเต็มเซลล์มีเซนไคม์ (MSC) ซึ่งไม่สามารถทดแทนเลือดจากสายสะดือในการปลูกถ่ายไขกระดูกได้ แต่สามารถนำมาใช้เพื่อการฟื้นฟู เพื่อทำเครื่องสำอาง เพื่อความสวยความงาม หรือรักษาโรคข้อเสื่อม เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม หรือการบาดเจ็บของเส้นเอ็น
หมายเหตุ: HSC มีหน้าทีสร้างเซลล์ไขสันหลังใหม่ ในบางรูปแบบการใช้งาน HSC จะสามารถสร้างหลอดเลือด และ MSC จาก HSC จะมีคุณสมบัติใน การฟนฟู ส่วน MSC เพียงอย่างเดียวนัน จะสามารถช่วยบรรเทาการอัเสบ และช่วยสนับสนุนให้เซลล์ทีมีอยู่แล้วทําหน้าทีได้ดีขึนเท่านัน
คุณสามารถฝากสเต็มเซลล์ได้นานแค่ไหน?
ระบบการจัดหมวดหมูแบบระบบหอสมุดแพทย์แห่งชาติอเมริกันระบุว่าสเต็มเซลล์จะสามารถถูกจัดเก็บไว้ได้นาน 21-23.5 ปีโดยไม่สูญเสียคุณภาพที่สำคัญ
การรักษาแบบใหม่ด้วยสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือและเนื้อเยื่อสายสะดือพัฒนาได้ไกลแค่ไหนแล้ว?
สำหรับยาหรือการรักษาใหม่ใด ๆ ที่จะได้รับการอนุมัติจาก FDA และนำออกสู่ตลาดว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ จะต้องผ่านสามในสี่ขั้นตอนของการทดลองทางคลินิก ซึ่งเป็นกระบวนการที่อาจใช้เวลานานหลายปี ดูภาพรวมด้านล่างสำหรับการรักษาแต่ละประเภทที่ใช้สเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือและสเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อสายสะดือที่กำลังได้รับการทดสอบ
การรักษาด้วยสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือที่มีผลที่น่าพึงพอใจในการทดลองทางคลินิก
วิธีเก็บเลือดจากสายสะดือ: ธนาคารของรัฐและเอกชนในประเทศไทย
ธนาคารของรัฐ
การเก็บเลือดจากสายสะดือในธนาคารของรัฐนั้นไม่มีค่าใช้จ่าย เลือดจากสายสะดือที่คุณเก็บไว้จะสามารถนำไปใช้ได้กับเด็กคนอื่น ๆ ที่มีความเหมาะสมทางชีวภาพ ซึ่งหมายความว่าธนาคารของรัฐไม่ได้เก็บเลือดของบุตรหลานของคุณไว้เพื่อใช้ในครอบครัวของคุณ แต่มีไว้สำหรับทุก ๆ คน หากเครือข่ายธนาคารของรัฐมีขนาดใหญ่ โอกาสในการค้นหาคู่ที่ เหมาะสมก็สูง หากเครือข่ายธนาคารของรัฐมีขนาดเล็ก โอกาสในการ ค้นหาสเต็มเซลล์ที่เหมาะสมกับสมาชิกในครอบครัวของคุณก็จะน้อย
ในประเทศไทย สภากาชาดไทยได้จัดตั้งโครงการธนาคารเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตแห่งชาติ เพื่อมอบโอกาสในการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ สภากาชาดไทยยังมีคณะกรรมการวิจัยและพัฒนาสเต็มเซลล์ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
จำนวนทะเบียนผู้บริจาคเซลล์ต้นกำเนิดแห่งชาติของประเทศไทย (โดยประมาณ):
ผู้บริจาคที่ลงทะเบียน | 300,000 (31.12.2021) |
คนรอรายการสเต็มเซลล์ 200 | 200 (31.12.2021) |
ผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ในปี 2564 | 60 |
รวมกรณีตั้งแต่ปี 2545 | มะเร็งเม็ดเลือดขาว: 250 ราย |
โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย: 90 ราย | |
กลุ่มอาการที่เกิดจากสเต็มเซลล์เม็ดเลือดทำงานบกพร่อง: 40 ราย | |
โรคไขกระดูกฝ่อ: 25 ราย | |
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง: 20 ราย | |
การแจกแจงอายุ | ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอายุ15 ปี หรือต่ำกว่า |
ข้อมูลเพิ่มเติม: https://stemcellthairedcross.nbc.in.th/en/about-us/tscdr-annual-report/
นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ที่ทำการวิจัยและพัฒนาสเต็มเซลล์ เช่น ศูนย์ความเป็นเลิศทางงานวิจัยสเต็มเซลล์ของศิริราช
ธนาคารเอกชน
การเก็บเลือดจากสายสะดือในธนาคารเอกชน หมายความว่า เลือดจาก สายสะดือนั้นจะมีไว้สำหรับครอบครัวของคุณเท่านั้น การจัดเก็บประเภทนี้มักจะต้องเสียค่าธรรมเนียมแรกเริ่ม ค่าธรรมเนียมในการเก็บรักษา และ ค่าธรรมเนียมเมื่อนำสเต็มเซลล์มาใช้ เมื่อจัดเก็บที่ธนาคารเอกชน สิ่งสำคัญคือการเลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือและได้รับการสนับสนุนทางการเงินที่มั่นคง เพื่อให้แน่ในว่าผู้ให้บริการเหล่านั้นจะสามารถจัดเก็บสเต็มเซลล์ ของคุณไว้ได้จนถึงเวลาที่ต้องการจะใช้งาน
ตารางการเปรียบเทียบ 3 บริษัท รายใหญ่ในประเทศไทย
ตัวเลือกที่มะลิไว้วางใจในปี 2567
ตัวเลือกของมะลิในปี 2567 คือ THAI StemLife เนื่องจาก THAI StemLife เป็นบริษัทสเต็มเซลล์แห่งแรก และบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งเป็นบริษัทเดียวที่มีประสบการณ์จริงในการนำสเต็มเซลล์ไปใช้ในการช่วยชีวิต และเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับการรักษาอาการกระทบกระเทือนทางสมองอย่างรุนแรง
ที่มา:
- Are All Adult Stem Cells The Same?, Springer link.com
- Stem-cell therapy, Wikipedia
- Study finds little evidence to back cord-blood therapy for autism, Spectrum News
- Cord Blood Banking, Standford Medicine, Children's health.
- Stem cells: What they are and what they do, Mayo Clinic
- Embryonic stem cell, WikipediaStem cell treatment after spinal cord injury: The next steps, Mayo Clinic
- Applications of Mesenchymal Stem Cells in Skin Regeneration and Rejuvenation, National Library of Medicine
- Manuel Neuer checked for doping, Bayern Munich News and CommentaryThe Thai Red Cross Society, Stem Cell Thai Red Cross
- "ธนาคารสเต็มเซลล์" ฝากชีวิตที่ดีเพื่อวันข้างหน้า, MGR Online
- Hematopoietic stem/progenitor cells, generation of induced pluripotent stem cells, and isolation of endothelial progenitors from 21- to 23.5-year cryopreserved cord blood, National Library of Medicine