ดาวน์โหลดแอป

8 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยทางน้ำ และการจมน้ำ

8 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยทางน้ำ และการจมน้ำ

เด็กเล็กอาจจมน้ำได้ในน้ำตื้นเพียง 5 เซนติเมตรภายในไม่กี่วินาที โดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อเด็กจมน้ำ ผู้ใหญ่มักจะไม่ได้ยินเสียงร้อง เสียงดิ้นในน้ำหรือเสียงน้ำกระฉอกแม้แต่นิดเดียว

การจมน้ำเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ของการเสียชีวิตทั้งหมดทั่วโลก ในแต่ละปี คาดว่ามีผู้ที่เสียชีวิตจากการจมน้ำถึง 300,000 คนทั่วโลก จากสถิติการจมน้ำทั้งหมด กลุ่มที่พบมากที่สุดคือเด็กอายุ 1-4 ปี

เด็กมักจะจมน้ำที่ไหน?
70% ของการจมน้ำของเด็ก ๆ เกิดขึ้นเมื่อเด็กอยู่ใกล้แหล่งน้ำเช่น สระว่ายน้ำ ทะเลสาบ และแม้แต่ถังน้ำก็ทำให้เกิดการเสียชีวิตจากการจมน้ำได้ ที่น่าแปลกใจคือ มากกว่า 25% ของเด็กที่จมน้ำเกิดจากอุบัติเหตุภายในบ้าน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด

ต่อไปนี้คือ 8 วิธีการในการลดความเสี่ยงที่จะเกิดการจมน้ำ

  1. ป้องกันไม่ให้เด็กเล็กเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่มีคนดูแล อ่างอาบน้ำที่เต็มและโถชักโครกถือเป็นอันตรายสำหรับเด็ก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกน้อยไม่สามารถเปิดประตูเข้าห้องน้ำเองได้ คุณแม่อาจใช้ที่ครอบลูกบิดประตูหรืออุปกรณ์อื่นช่วย ให้ทุกคนในบ้านช่วยกันปิดประตูห้องน้ำตลอดเวลา ปิดฝาชักโครกและใช้ที่ล็อกฝาไว้ตลอดเวลา ปล่อยน้ำออกจากอ่างอาบน้ำทุกครั้งหลังใช้งาน
  2. ไม่ควรปล่อยให้ลูกน้อยอยู่ใกล้สระว่ายน้ำโดยไม่มีคนดูแล หากที่บ้านของคุณมีสระว่ายน้ำ ให้ติดตั้งรั้วล้อมรอบไว้ หากคุณแม่อาศัยอยู่ในห้องชุด หรือโรงแรมตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกไม่สามารถไปยังชั้นสระว่ายน้ำเองได้โดยไม่มีผู้ใหญ่ดูแล
  3. เทน้ำในภาชนะทิ้งหลังใช้งานทุกครั้ง ภาชนะในที่นี้รวมถึงถังน้ำ กะละมัง กระติกน้ำแข็ง สระน้ำเป่าลม และถังขยะที่อาจมีน้ำฝนขังอยู่
  4. เก็บภาชนะใส่น้ำในสวนให้มิดชิดหรือกั้นรั้วที่สวน เก็บอ่างอาบน้ำของนก สระน้ำพุ และอุปกรณ์จัดสวนอื่น ๆ ที่มีน้ำออกไปก่อน และนำออกมาใช้เมื่อลูกน้อยโตขึ้นจะดีกว่า
  5. ให้ลูกเรียนว่ายน้ำ ลองหาคอร์สเรียนที่สอนให้ลูกน้อยรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดในน้ำ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าการให้ลูกเรียนว่ายน้ำจะช่วยลดความเสี่ยงการจมน้ำได้ระดับหนึ่งเท่านั้น
  6. ดูแลลูกอย่างใกล้ชิดเมื่ออยู่ใกล้แหล่งน้ำ เมื่อใดก็ตามที่ลูกน้อยอยู่ใกล้แหล่งน้ำ คุณแม่ไม่ควรรับประทานยา ดื่มแอลกอฮอลล์ หรือเล่นโทรศัพท์เด็ดขาด นอกจากนี้ ควรดูแลลูกอย่างใกล้ชิดเมื่อไปบ้านของผู้อื่น
  7. ให้ลูกใส่อุปกรณ์ลอยน้ำเมื่ออยู่ในน้ำลึก ควรให้ลูกใส่ห่วงยางสำหรับเด็กทารกซึ่งจะรองรับช่วงขาของเด็กและป้องกันไม่ให้เขาลื่นตกน้ำ ในการเลือกซื้อห่วงยางคุณแม่ควรเลือกแบบที่มีสไตโรโฟมเสริมด้านใน โฟมเสริมจะช่วยให้ลูกยังลอยน้ำอยู่ในกรณีที่ห่วงยางรั่วและแบนลง
  8. เตรียมตัวสำหรับการนั่งเรือ หากคุณแม่ต้องเดินทางโดยทางเรือ อย่าลืมพกเสื้อชูชีพสำหรับเด็กไปด้วย เรือสาธารณะ และเรือยอร์ชเช่าส่วนใหญ่มักจะไม่มีเสื้อชูชีพสำหรับเด็กเล็กให้บริการ เสื้อชูชีพเด็กควรมีขนาดที่เหมาะสมกล่าวคือไม่เลื่อนหลุดออกทางหัวเมื่อสวมใส่

ดาวน์โหลดแอปMali Daily Pregnancy Tracker

แม่มือใหม่ & การตั้งครรภ์

เรตติ้ง 4.8 จากผู้ใช้งานกว่า 5,000+ คน

เรตติ้ง 4.8 จากผู้ใช้งานกว่า 5,000+ คน