เมนูสำหรับทารก: อะโวคาโด

อะโวคาโดถือเป็นผลไม้ที่มีสารอาหารสูง อุดมไปด้วยไขมันดีและไฟเบอร์ นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิดอีกด้วย
เมนูแนะนำ: ไอศครีมอะโวคาโดแบบแท่ง
เมนูนี้เหมาะมากสำหรับฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัด ควรใช้พิมพ์ทำไอศครีมแท่งสำหรับใส่ในช่องแช่แข็งในการทำ
ส่วนผสม
- อะโวคาโดขนาดกลาง 3 ผล
- น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง
วิธีทำ
- ปั่นเนื้ออะโวคาโดและน้ำเปล่าในเครื่องปั่นจนเนื้อเนียนละเอียดและข้น
- เทส่วนผสมลงในพิมพ์สำหรับทำไอศครีม และใส่ในช่องแช่แข็งประมาณ 1 ชั่วโมง ไอศครีมควรมีผิวสัมผัสนิ่มและไม่แข็งเกินไป
คุณสามารถใส่ผลไม้อื่น ๆ เช่นกล้วย หรือมะม่วงลงไปปั่นในส่วนผสมด้วยก็ได้ สามารถเก็บในช่องแช่แข็งได้นาน 3 เดือน
ทำไมอะโวคาโดจึงดีต่อลูก?
อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย มี”ไขมันดี” ที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาสมองและดีต่อพัฒนาการทางร่างกายของลูก อะโวคาโดมีกรดโฟลิคสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ ซึ่งกรดโฟลิคนี้เป็นสารอาหารจำเป็นในการพัฒนาระบบประสาท รวมไปถึงพัฒนากระบวนการการรับรู้ของสมอง การได้กินอะโวคาโดบ่อย ๆ จะเปรียบเหมือนให้ลูกได้กินอาหารเสริมบำรุงระบบประสาทเลยทีเดียว
สิ่งที่ควรรู้
การกินอะโวคาโดมากเกินไปอาจทำให้ปวดท้องได้ อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีน้ำปริมาณมาก ดังนั้นหากกินมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำได้น้อยลง และทำให้เกิดอาหารท้องเสียได้
ลูกจะเริ่มกินอะโวคาโดได้เมื่อไร?
คุณสามารถให้ลูกน้อยเริ่มกินอะโวคาโดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือน ไขมันดีในอะโวคาโดเป็นสารอาหารที่จำเป็นในการเจริญเติบโตของลูก นอกจากนี้อะโวคาโดยังอุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็นอื่น ๆ สำหรับทารกอีกด้วย
เมนูอะโวคาโด
- อะโวคาโดบดละเอียด: คว้านเนื้ออะโวคาโดออกมาแล้วนำใส่เครื่องปั่น จากนั้นใส่นมลงไป ปั่นจนเนื้อเนียนละเอียด
- อะโวคาโดบดหยาบ: นำเนื้ออะโวคาโดวางในจาน จากนั้นใช้ส้อมบดให้เป็นเนื้อละเอียด คุณสามารถป้อนให้ลูกกินได้เลยโดยไม่ต้องปรุงเพิ่ม
- อะโวคาโดชิ้น: อะโวคาโดเหมาะกับการกินดิบโดยไม่ผ่านความร้อน หากคุณต้องการให้ลูกถืออาหารกินเอง (ฝึกลูกกินอาหารแบบ baby-led-weaning) ให้คว้านเนื้อออกมาแล้วตัดเป็นชิ้นยาว ๆ เพื่อให้ลูกน้อยถือได้ง่าย คุณอาจนำอะโวคาโดไปคลุกกับเกล็ดขนมปังเพื่อให้ลื่นน้อยลงได้
ลูกควรกินปริมาณเท่าไร?
องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าทารกควรเริ่มทานอาหารตั้งแต่อายุ 6 เดือน โดยให้เป็นอาหารเสริมนอกเหนือจากนมแม่หรือนมผง สำหรับช่วง 6-8 เดือนแรกที่เริ่มกินควรให้กินวันละ 2-3 มื้อ โดยสัดส่วนของแคลอรี่ที่ควรได้รับระหว่างนมแม่และอาหารแข็งควรเป็นดังนี้:
การเริ่มให้กินอาหารชนิดใหม่
พยายามให้ลูกเริ่มกินอาหารชนิดใหม่ตอนที่เขาหิว และควรให้กินครั้งละ 1 อย่างเพื่อสังเกตอาการแพ้อาหารที่อาจเกิดขึ้น เรียนรู้เกี่ยวกับการให้ลูกเริ่มกินอาหารแข็งได้ที่นี่
ข้อควรระวัง
หากคุณใช้วิธี baby-led-weaning ควรศึกษารายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับวิธีนี้อย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะเรื่องความแตกต่างระหว่างอาการสำลักและอาหารติดคอ และควรรู้ว่าต้องทำอย่างไรเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน