อาการเลือดไหลหลังคลอด

ถือเป็นเรื่องปกติที่คุณแม่จะมีเลือดไหลจากช่องคลอดหลังการคลอดบุตร ไม่ว่าจะคลอดตามธรรมชาติหรือคลอดโดยการผ่าคลอด
เลือดที่ไหลออกมาเรียกว่า น้ำคาวปลา โดยจะไหลออกมามากในช่วง 1 – 3 วันแรกหลังการคลอด น้ำคาวปลาเกิดจากกระบวนการฟื้นฟูเยื่อบุโพรงมดลูก โดยเยื่อบุโพรงมดลูกจะหลุดลอกออกมา ซึ่งเป็นวิธีที่ร่างกายกำจัดเลือดและเนื้อเยื่อเก่าของมดลูกที่ใช้ในการเจริญเติบโตของลูกในท้องออกมา
น้ำคาวปลาประกอบด้วยอะไรบ้าง
น้ำคาวปลานั้นคล้ายกับเลือดประจำเดือน มีส่วนประกอบดังนี้
- เม็ดเลือดแดง
- พลาสมา
- เม็ดเลือดขาว
- ชิ้นส่วนของเยื่อบุโพรงมดลูก
- สารเมือกลื่น
อาการเลือดออกหลังคลอดแบบธรรมชาติ
เลือดที่ไหลออกมาช่วง 1 – 3 วันแรกหลังคลอดมักเป็นสีแดงสด หรือสีแดงค่อนข้างเข้ม และอาจมีลิ่มเลือดปนอยู่ ลิ่มเลือดเหล่านี้ควรมีกลิ่นเหมือนเลือดประจำเดือนตามปกติ และไม่ควรมีขนาดใหญ่กว่าเหรียญห้าบาท ภายใน 4 – 7 วันหลังคลอด ขนาดของลิ่มเลือดควรเล็กลงหรือไม่มีเลย และมูกจะกลายเป็นสีชมพูอ่อนหรือน้ำตาลอ่อน
หลังจากสัปดาห์แรก น้ำคาวปลาที่ถูกขับออกมาจะเปลี่ยนเป็นสีขาวหรือเหลืองอ่อน และภายใน 3 – 6 สัปดาห์ก็จะหมดไป
อาการเลือดออกหลังผ่าคลอด
คุณแม่ที่คลอดด้วยวิธีผ่าคลอดจะมีน้ำคาวปลาออกมาน้อยกว่าคุณแม่ที่คลอดตามธรรมชาติ น้ำคาวปลาที่ขับออกมาจะมีสีคล้ายกัน และระยะเวลาที่ร่างกายใช้ในการขับน้ำคาวปลาออกมาก็จะใกล้เคียงกัน คือประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ โดยสีของเลือดจะค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีแดงเป็นน้ำตาล สีเหลือง และเป็นสีใสในที่สุด
อาการเลือดออกที่ปกติและข้อควรปฎิบัติ
หลังการคลอดคุณแม่ต้องใช้ผ้าอนามัยหลังคลอดเพื่อซับเลือดเพราะเลือดที่ไหลออกมาช่วงแรกจะมีปริมาณมาก หากปริมาณลดน้อยลงแล้วคุณแม่สามารถใช้ผ้าอนามัยแบบปกติได้ และควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ การใช้ผ้าอนามัยแบบสอดนั้นไม่แนะนำอย่างยิ่งเนื่องจากเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
กิจกรรมใช้แรงบางชนิดอาจเพิ่มแรงกดลงที่หน้าท้องและทำให้มีเลือดออกมากกว่าปกติ กิจกรรมเหล่านี้รวมถึงการเกร็งเมื่อปัสสาวะ หรือขับถ่ายอุจจาระ การออกกำลังกาย การลุกออกจากเตียงในตอนเช้า หรือการให้นมลูกน้อย
เมื่อไรที่ควรโทรหาคุณหมอ
หากเลือดมีปริมาณมากจนทำให้ต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยหลังคลอดในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง และเลือดยังคงไหลไม่หยุด คุณแม่อาจมีอาการตกเลือดหลังคลอด ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายมาก เพราะความดันจะตกอย่างรวดเร็วและทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญในร่างกายไม่เพียงพอ และอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้
อาการตกเลือดหลังคลอดมักเกิดขึ้นมากที่สุดในช่วง 24 ชั่วโมงหลังการคลอด แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้ในช่วง 12 สัปดาห์หลังการคลอดเช่นกัน โดยเกิดขึ้นในประมาณ 5% ของคุณแม่เพิ่งคลอดทั้งหมด
เนื่องจากการตกเลือดเป็นอาการที่ร้ายแรง คุณแม่จึงควรไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยควรโทรหาคุณหมอหากมีอาการดังต่อไปนี้
- รู้สึกจะเป็นลม
- คลื่นไส้
- หนาวสั่น
- ตามัว มองไม่ชัด
- เหงื่อออก
- รู้สึกอ่อนเพลีย
- หัวใจเต้นเร็ว
- ลิ่มเลือดขนาดใหญ่กว่า 7 เซนติเมตร
- เลือดไหลเป็นสีแดงสด หลังการคลอดแล้ว 3 วัน
- เลือดไหลไม่หยุดปริมาณมาก โดยต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยหลังคลอดภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
การฟื้นฟูร่างกายกลับเป็นปกติ
การคลอดถือเป็นกระบวนการอันแสนมหัศจรรย์ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณแม่ไปตลอดกาล ดังนั้นร่างกายของคุณแม่ต้องการเวลาพักฟื้น ทั้งจากช่วงเวลาตลอดการตั้งครรภ์และกระบวนการคลอด ดังนั้นคุณแม่ควรดูแลร่างกายให้ดี และให้เวลาร่างกายในการปรับตัวเองหลังคลอด อย่าลืมว่าคุณแม่สามารถขอความช่วยเหลือจากสมาชิกในครอบครัว หรือผู้เชี่ยวชาญได้เสมอ