การใช้เวลาหน้าจอมีผลต่อพัฒนาการของเด็กอย่างไร
ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการขั้นต้นของเด็ก รวมไปถึงสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา ล้วนเห็นด้วยว่าเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ไม่ควรรับชมวิดีโอหรือเสพสื่อดิจิทัลในทุกรูปแบบ
เทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้โทรทัศน์และโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟนกลายเป็นสิ่งธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้ง่าย สิ่งเหล่านี้อาจล่อตาล่อใจให้ผู้ปกครองเลือกที่จะสร้างความบันเทิงและให้ความรู้แก่ลูกด้วยเนื้อหาบนหน้าจอ อย่างไรก็ตาม นักจิตวิทยาเด็กชั้นนำ และผู้เชี่ยวชาญไม่แนะนำให้ทำ ด้วยเหตุผลดังนี้:
สมองของเด็กไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อการเรียนรู้จากทีวีหรือวิดีโอต่าง ๆ
ทีวีมีผลกระทบต่อเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ซึ่งแตกต่างออกไปจากเด็กที่มีอายุมากกว่า เนื่องจากระดับการพัฒนาของสมอง ถึงแม้ว่าทารกจะเกิดมาพร้อมเซลล์สมองที่ครบถ้วนตั้งแต่แรกเกิด การเชื่อมโยงระหว่างเซลล์สมองซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของสมองนั้นยังมีการพัฒนาอยู่
โดยปกติแล้ว สมองของทารกจะต้องใช้เวลาประมาณ 18 เดือนสำหรับการพัฒนาจนถึงระดับที่ทารกน้อยจะสามารถเข้าใจเกี่ยวกับสัญลักษณ์บนหน้าจอได้ ก่อนหน้าที่จะถึงจุดนั้น โทรทัศน์เป็นเพียงรูป 2 มิติที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทุก 6 วินาที โดยรูปเหล่านั้นไม่มีความเกี่ยวโยงกัน รวมไปถึงไม่มีความเกี่ยวโยงกับเสียงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงโทรทัศน์ เสียงผู้คน และสิ่งของที่อยู่รอบ ๆ กล่าวง่าย ๆ ได้ว่า เนื้อหาจากโทรทัศน์นั้นเป็นเสมือนอาหารขยะสำหรับสมองของลูก
ทารกและเด็กวัยหัดเดินเรียนรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์ในชีวิตจริง
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาสมองของเด็กเล็กคือการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในชีวิตจริง การเรียนรู้ในขั้นตอนนี้ส่วนใหญ่แล้วเกิดขึ้นได้โดยการโต้ตอบกับผู้อื่น และการมีส่วนร่วมในสังคมเท่านั้น โดยการดูทีวีนับว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่ได้มีการโต้ตอบเลย
ในความเป็นจริงแล้วลูกสามารถเรียนรู้จากเรื่องง่าย ๆ เช่น การเคาะกระทะที่พื้นระหว่างที่คุณแม่กำลังทำอาหารกลางวันมากกว่าการดูวิดีโอในระยะเวลาเท่ากันเสียอีก เหตุผลเป็นเพราะการได้ทำซ้ำ ๆ จะช่วยให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ความเชื่อมโยงระหว่างการกระทำ (เคาะกระทะที่พื้น) และผลลัพธ์ (เสียงที่เกิดจากการเคาะ) สิ่งนี้สอนให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับเหตุและผล
การเรียนรู้สำหรับเด็กเล็ก ควรรวมไปถึงการสัมผัสสิ่งของต่าง ๆ รู้สึกถึงพื้นผิว เล่นกับสิ่งของต่าง ๆ และที่สำคัญที่สุดคือการได้เห็นหน้าและได้ยินเสียงของผู้คนที่พวกเขารัก กล่าวได้ว่า การได้มีปฏิสัมพันธ์กับคุณพ่อคุณแม่และผู้ใหญ่ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเด็ก เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเรียนรู้ของเด็กในช่วงเวลานี้
แม้แต่การเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ก็อาจส่งผลเสียต่อการเรียนรู้ของเด็ก
โทรทัศน์ถือว่าเป็นสิ่งรบกวนรูปแบบหนึ่งสำหรับลูกเพราะโทรทัศน์อาจมีส่วนบั่นทอนการใช้เวลาที่มีคุณภาพระหว่างเด็กและคุณพ่อคุณแม่ บุคคลอื่น ๆ หรือแม้แต่ของเล่นของเด็ก จากการวิจัยพบว่าถึงแม้จะไม่มีใครดูทีวีอยู่ เพียงแค่มีทีวีเปิดเสียงเป็นฉากหลังก็เพียงพอแล้วที่จะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางภาษาของเด็ก จากการวิจัยพบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ปกครองมีการพูดคุยกับเด็กที่ประมาณ 940 คำต่อชั่วโมง แต่เมื่อมีการเปิดโทรทัศน์ ตัวเลขนั้นลดลงไปเหลืออยู่เพียง 770 คำ จำนวนคำที่น้อยลงนั้นส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ที่น้อยลงเช่นกัน
คุณแม่สามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยลูก?
คุณสามารถช่วยพัฒนาการทางสมองของลูกได้โดยทำตามข้อแนะนำดังนี้:
- ใช้หน้าจอเพื่อติดต่อบุคคลอื่น ๆ ในครอบครัวเท่านั้น
- จำกัดเวลาหน้าจอของเด็ก
- จำกัดเวลาที่คุณดูโทรทัศน์หรือใช้โทรศัพท์เมื่ออยู่กับลูก
- ปิดโทรทัศน์เมื่อคุณไม่ได้ดู
- หลีกเลี่ยงการป้อนอาหารทารกหรือเด็กวัยหัดเดินไปพร้อม ๆ กับการดูโทรทัศน์
รับรองโดย:
เกศสุภา จิระการณ์ (นักสุขภาพจิต) (31 มีนาคม 2021)