การพักฟื้นหลังคลอด
ขอแสดงความยินดีด้วย! ในที่สุดลูกก็ได้ลืมตาดูโลกหลังจากที่คุณแม่รอคอยมานานกว่า 9 เดือน และตอนนี้ก็ได้เข้าสู่ช่วงการฟื้นฟูหลังคลอดแล้ว
ตอนนี้การเดินทางของคุณแม่ยังไม่สิ้นสุด ไม่ว่าคุณแม่จะเลือกการคลอดโดยธรรมชาติหรือการผ่าตัดคลอด (C-section) ร่างกายของคุณแม่ได้ผ่านความตึงเครียดอย่างมากเมื่อคลอดและต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวให้กลับสู่สภาพเดิม
ใช้เวลานานเท่าไหร่ในการพักฟื้น?
ถึงแม้ว่าช่วงเวลา 6 สัปดาห์แรกจะถือเป็นช่วงเวลาในการพักฟื้นหลังการคลอด ร่างกายของคุณแม่อาจจะฟื้นตัวเร็วหรือช้ากว่านั้น หากคุณแม่เลือกการคลอดโดยธรรมชาติ คุณแม่จะรู้สึกว่าร่างกายฟื้นตัวได้เร็วกว่าการผ่าตัดคลอด
เรื่องควรรู้ในขณะที่พักฟื้นหลังคลอด
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ถือเป็นภาวะปกติที่จะเกิดขึ้นหลังคลอด:
มีเลือดและน้ำคาวปลา (lochia) ออกจากช่องคลอด: ในช่วงเวลา 10 วันแรกหลังคลอด จะมีเลือดและน้ำคาวปลาหลั่งออกจากช่องคลอดในปริมาณมากกว่าประจำเดือนของคุณแม่ และอาจพบเจอก้อนเลือดเล็ก ๆ ผสมอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ของเหลวนี้จะค่อย ๆ จางลงจนกลายเป็นสีขาวหรือสีเหลือง และจะหยุดลงในไม่กี่สัปดาห์
เจ็บบริเวณฝีเย็บ: บริเวณระหว่างช่องคลอดและทวารหนักอาจจะรู้สึกเจ็บในช่วงเวลาสองถึงสามสัปดาห์แรกหลังคลอด ถึงแม้ว่าคุณแม่จะไม่ได้รับการผ่าตัดเปิดช่องคลอด หรือไม่มีการฉีกขาดระหว่างการคลอดก็ตาม
เจ็บบริเวณหัวนมและเต้านม: คุณแม่อาจจะรู้สึกเจ็บที่เต้านมและหัวนมในช่วงแรก ๆ ซึ่งเกิดจากอาการคัดตึงของเต้านมเนื่องจากทารกของคุณยังไม่ได้เรียนรู้วิธีการเข้าเต้าที่ถูกต้อง
อาการคล้ายการเจ็บครรภ์: คุณแม่จะรู้สึกปวดตึงที่ช่วงท้อง เนื่องจากมดลูกยังคงหดรัดตัวอยู่ในช่วงเวลาสองถึงสามวันหลังคลอด คุณแม่จะรู้สึกปวดมากที่สุดในระหว่างการให้นม
ท้องผูก: คุณแม่อาจจะท้องผูกในช่วงเวลาสองถึงสามวันหลังคลอด ซึ่งเกิดจากความเจ็บที่บริเวณฝีเย็บ แผลเย็บ หรือยาแก้ปวดที่ใช้ในระหว่างการทำคลอด
ริดสีดวงทวาร: เกิดจากเส้นเลือดที่บวมในทวารหนัก ซึ่งอาจเจ็บปวดและอาจมีเลือดออกขณะถ่ายอุจจาระ ภาวะนี้อาจเกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์หรือระหว่างการคลอด
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่: หากคุณแม่มีระยะคลอดเนิ่นนาน อาจเกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เมื่อคุณแม่ไอ จาม หรือหักโหมมากเกินไป
รอยเย็บแผล: หากคุณแม่ได้รับการผ่าตัดเปิดช่องคลอดเพื่อให้ทารกคลอดออกมาได้ง่ายขึ้น หรือคุณแม่มีแผลฉีกขาด คุณแม่จำเป็นที่จะต้องเย็บแผลที่บริเวณฝีเย็บ ไหมที่ใช้ในการเย็บจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการละลาย
อาการบวมน้ำ: ในระหว่างตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะกักเก็บน้ำไว้มากขึ้นซึ่งทำให้เกิดอาการบวมน้ำ ภาวะนี้จะยังคงอยู่ระยะหนึ่งหลังการคลอดเนื่องจากระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในร่างกายยังสูงอยู่
น้ำหนักลดลง: ในวันแรกหลังจากคลอด น้ำหนักของคุณแม่จะลดลงไป 3-6 กิโลกรัม โดยน้ำหนักที่ลดลงไปมีความสัมพันธ์กับน้ำหนักของทารก รก และน้ำคร่ำ หลังจากนั้น น้ำหนักหลังคลอดจะค่อย ๆ ลดลง
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: หลังการคลอด ร่างกายของคุณแม่ต้องใช้เวลาสักพักในการปรับระดับฮอร์โมนให้กลับมาเป็นปกติ คุณแม่อาจเกิดอาการบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน อาการที่อาจเกิดขึ้นเช่น เหงื่อออกมากเป็นพิเศษ การเปลี่ยนแปลงทางสภาวะอารมณ์ และผมร่วง
การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์: คุณแม่อาจรู้สึกว่าอารมณ์แปรปรวน – นาทีหนึ่งอาจจะรู้สึกตื่นเต้นและอีกนาทีหนึ่งคุณอาจจะรู้สึกเศร้า อาการนี้เรียกว่าเบบี้บลูส์ ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยภาวะนี้มีระยะเวลาประมาณหนึ่งหรือสองสัปดาห์ หลังจากนั้นหากยังมีอาการอยู่ หรือหากสภาวะนี้ส่งผลต่อความสามารถในการดูแล ลูก คุณแม่อาจเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอดซึ่งมีอาการที่ร้ายแรงกว่าและควรติดต่อแพทย์ของคุณทันที
การดูแลตัวเองในระหว่างพักฟื้น
เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้คุณแม่ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น:
- ใช้เวลาในการพักผ่อนให้มาก (หากเป็นไปได้)
- รับประทานอาหารที่ดีในปริมาณที่พอเพียง
- ในสัปดาห์แรก ดูแลฝีเย็บของคุณโดยการใช้ขวดฉีดน้ำอุ่นชำระล้างทุกครั้งเมื่อใช้ห้องน้ำ
- การนั่งประคบน้ำแข็งหลาย ๆ ครั้งต่อวัน จะช่วยทุเลาความเจ็บปวดได้
- หลังจากฝีเย็บของคุณแม่หายดี อาจเริ่มการออกกำลังกายที่ช่วยบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Kegels) หรือการออกกำลังกายแบบอื่น ๆ ได้
- หากคุณแม่ผ่าคลอด ให้ดูแลรักษาแผลตามคำแนะนำของแพทย์
- ฝึกการให้นมลูกจนคล่อง
- พบแพทย์ตามที่ได้นัดหมาย
- คุณแม่อาจต้องการปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับตัวเลือกในการคุมกำเนิด เนื่องจากคุณแม่สามารถที่จะตั้งครรภ์ได้อีกครั้งก่อนหน้าที่ประจำเดือนจะมาหลังจากการคลอด
ควรพบแพทย์เมื่อไหร่?
ควรติดต่อแพทย์ของคุณแม่ หากมีอาการดังต่อไปนี้:
- มีไข้ตั้งแต่ 38 องศาขึ้นไป
- เกิดอาการเจ็บปวดที่ช่วงท้องมากกว่าปกติ
- พบก้อนเลือดขนาดใหญ่บนผ้าอนามัย หรือหากผ้าอนามัยของคุณแม่เปียกโชกภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
- ตกขาวมีกลิ่นเหม็น
- ความคิดที่จะทำร้ายลูก หรือความคิดต้องการฆ่าตัวตาย เพราะเป็นสัญญาณอันตรายซึ่งบ่งบอกว่าคุณแม่มีภาวะอาการซึมเศร้าหลังคลอด
- สัญญาณหรืออาการอื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้คุณแม่หรือคู่ของคุณเกิดความกังวล
รับรองโดย:
นพ. ปิยวุฒิ กรีฑาภิรมย์ (31 มีนาคม 2021)