ผลกระทบจากมลพิษทางอากาศต่อสุขภาพของเด็กเล็ก

ร่างกายและปอดของเด็กเล็กมีความไวต่อมลพิษทางอากาศ เนื่องจากปอดของพวกเขายังคงพัฒนาอยู่ นอกจากนี้ เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ยังมีความกระตือรือร้นที่จะวิ่งเล่นขยับตัวมาก พวกเขาจึงหายใจเอาอากาศเข้าไปมากกว่า
ทำไมเด็ก ๆ จึงมีความเสี่ยงสูง
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เด็กมีความเสี่ยงต่อผลกระทบของมลพิษทางอากาศมาก ก็คือพวกเขาหายใจถี่กว่าผู้ใหญ่ ทำให้ร่างกายได้รับมลพิษมากขึ้น และยังมีเหตุผลอื่น ๆ เช่น:
- พื้นที่ส่วนใหญ่ในปอดของเด็กส่วนมากจะเติบโตขึ้นหลังคลอด โดย 80% ของถุงลมขนาดเล็กของพวกเขาจะถูกพัฒนาขึ้นหลังคลอด ถุงลม (alveoli) คืออวัยวะที่มีการแลกเปลี่ยนเพื่อนำออกซิเจนไปยังเลือดเพื่อนำไปใช้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- เด็ก ๆ มีพฤติกรรมไม่เหมือนผู้ใหญ่ พวกเขามักจะออกไปข้างนอกเป็นระยะเวลานาน และมักจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษเมื่ออยู่กลางแจ้ง ดังนั้นพวกเขาจึงสูดอากาศกลางแจ้งที่มีมลพิษเข้าไปมากกว่าผู้ใหญ่
- นอกจากนี้ มลพิษทางอากาศยังอาจส่งผลกระทบต่อลูกได้ในทางอ้อม เช่น คุณแม่ตั้งครรภ์ที่หายใจเอาอากาศเสียเข้าไปมีแนวโน้มที่จะคลอดก่อนกำหนด และอาจทำให้ทารกแรกเกิดมีน้ำหนักน้อย
ทำไมอนุภาคเล็ก ๆ ในอากาศถึงอันตรายมากสำหรับเด็ก
- ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในอากาศ อาจส่งผลต่อพัฒนาการทางระบบประสาทของเด็ก ซึ่งส่งผลเสียต่อพัฒนาการทั้งทางจิตใจและร่างกายได้
- มลพิษทางอากาศในระดับสูงส่งผลโดยตรงต่อระดับสติปัญญา (IQ) ของเด็ก ซึ่งเทียบเท่ากับการขาดเรียนตลอดทั้งปีในโรงเรียน
- มลพิษในระดับต่ำ ก็อาจทำลายการทำงานของปอดน้อย ๆ และอาจนำไปสู่ปัญหาโรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด และโรคหลอดเลือดหัวใจในเวลาต่อมาได้
- มลพิษทางอากาศเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพของเด็ก ตามที่องค์การอนามัยโลกบันทึกไว้ คิดเป็นเกือบ 1 ใน 10 ของสาเหตุการเสียชีวิตในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี
วิธีปกป้องลูกเมื่ออยู่ที่บ้าน
ถึงคุณแม่จะรู้สึกว่าภายในบ้านสะอาดและปลอดภัย แต่ควรจำไว้ว่าอนุภาคขนาดเล็กนั้นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อนุภาคเหล่านี้จะเข้าไปในบ้านได้อย่างง่ายดาย วิธีต่อไปนี้จะช่วยป้องกันลูกจากฝุ่นละอองได้
- ควรปิดประตู หน้าต่างในวันที่มีมลพิษสูง
- หาเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA มาไว้ในห้องนอนและห้องนั่งเล่น
- เนื่องจากเครื่องปรับอากาศส่วนใหญ่ไม่สามารถกรองอนุภาคอันตรายขนาดเล็กได้ เราขอแนะนำให้เพิ่มตัวกรองในเครื่องปรับอากาศที่บ้าน แบบที่ติดตั้งง่าย และสามารถช่วยกรองอนุภาคละเอียดได้บางส่วน
- หากบ้านของคุณแม่อยู่ใกล้กับถนนสายหลัก ควรคิดอยู่เสมอว่า แม้ว่าคุณภาพอากาศจะดี แต่ยานพาหนะบนถนนสายหลักสามารถสร้างระดับมลพิษได้สูง และจะกระจายไปได้ไกลถึง 250 เมตร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศในบ้านของคุณได้
วิธีปกป้องลูกเมื่ออยู่ในรถ
เด็ก ๆ ก็มีความเสี่ยงต่อการได้รับมลพิษทางอากาศแม้จะอยู่ในรถ เนื่องจากได้รับอากาศเป็นพิษจากสภาพการจราจรบนท้องถนน ซึ่งระบบกรองอากาศของรถยนต์ไม่สามารถกรองได้อย่างสมบูรณ์
- หากคุณแม่ต้องขับรถในสภาพการจราจรติดขัด ให้ตั้งช่องระบายอากาศให้เป็นแบบหมุนวนภายในรถยนต์ และปิดกระจกหน้าต่างให้สนิทก่อนที่จะออกรถไปเจอกับการจราจรติดขัดบนท้องถนน และควรพยายามรักษาระยะห่างจากรถคันข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถบรรทุกเครื่องยนต์ดีเซล หรือรถยนต์ที่มีควันดำอย่างเห็นได้ชัด
- ติดตั้งแผ่นกรองอากาศ HEPA สำหรับห้องโดยสารในรถ โดยผลิตภัณฑ์บางตัวสามารถกรองอนุภาคทั้งหมดได้ถึง 99.97% ซึ่งสามารถติดตั้งในรถได้เกือบทุกรุ่น หากรถของคุณแม่มีตัวกรอง HEPA ที่ติดตั้งไว้แล้ว ควรตรวจดูให้แน่ใจว่าได้เปลี่ยนแผ่นกรองตามกำหนดเป็นประจำ
- นอกจากนี้ คุณแม่ยังสามารถซื้อเครื่องฟอกอากาศสำหรับรถยนต์ เพื่อปรับปรุงคุณภาพของอากาศภายในรถโดยไม่ต้องดัดแปลงรถ
วิธีปกป้องลูกเมื่ออยู่กลางแจ้ง
- จำกัดเวลาที่ออกนอกบ้าน ในวันที่มีมลพิษสูง
- หากคุณแม่ต้องการพาลูกไปเดินเล่นข้างนอก ควรหลีกเลี่ยงถนนที่มีการจราจรหนาแน่น
- หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงถนนที่มีมลภาวะทางอากาศสูงได้ ควรให้ลูกสวมหน้ากากอนามัยสำหรับกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กซึ่งมีขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป และมีขนาดสำหรับเด็ก หรือสามารถปรับเปลี่ยนให้ใช้กับเด็กได้
อากาศระดับใดที่ปลอดภัยสำหรับลูก
เพื่อให้แน่ใจว่าลูกได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่จากภัยคุกคามที่มองไม่เห็นนี้ ควรพยายามให้เขาอยู่ในสภาพแวดล้อมอากาศที่ดี ที่ระดับมลพิษทางอากาศต่ำกว่า 50 หากคุณแม่วัดค่ามลพิษทางอากาศได้เป็นระดับปานกลางหรืออยู่ในระดับที่ไม่ดีต่อสุขภาพสำหรับกลุ่มที่ไวต่อการกระตุ้น (เด็กเล็กเป็นกลุ่มที่อ่อนไหวที่สุด) ควรระมัดระวังให้มาก
- 0 – 50 ดี: ไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
- 51 – 100 ปานกลาง: อาจส่งผลต่อสุขภาพของกลุ่มที่ไวต่อการกระตุ้น
- 101 – 150 ไม่ดีต่อกลุ่มเสี่ยง: ผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่ไวต่อการกระตุ้น (ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ) ควรงดทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- 151 – 200 ไม่ดีต่อสุขภาพของคนทั่วไป: ควรงดทำกิจกรรมกลางแจ้งสำหรับทุกคน
- 201 – 300 เป็นอันตรายต่อสุขภาพ: ห้ามทำกิจกรรมกลางแจ้ง และจำกัดกลุ่มผู้ที่ไวต่อการกระตุ้นจากการสัมผัสกับอากาศภายนอก
- 301 – 500 อากาศเป็นพิษรุนแรง: มีความเสี่ยงสูงต่อคนทุกกลุ่ม
รับรองโดย:
นพ. ปิยวุฒิ กรีฑาภิรมย์ (31 มีนาคม 2021)