ชุดทดสอบภาวะเจริญพันธุ์ที่บ้าน สำหรับคนอยากมีลูก

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังคิดจะปรึกษาคลินิกผู้มีบุตรยากเพื่อพิจารณาทำ IVF หรือกำลังหาวิธีทำให้ตั้งครรภ์ การใช้ชุดทดสอบฮอร์โมนถือเป็นวิธีง่าย ๆ ที่อาจช่วยได้และราคาไม่แพง

ชุดทดสอบฮอร์โมนทำงานอย่างไร?
ชุดทดสอบเหล่านี้ทำงานโดยวัดปริมาณฮอร์โมนบางชนิดในร่างกายที่มีบทบาทสำคัญต่อภาวะเจริญพันธุ์ ฮอร์โมนเหล่านี้มีดังนี้:

• ฮอร์โมนแอนตี้มูลเลอเรียน (Anti-Mullerian Hormone หรือ AMH): ฮอร์โมนแอนตี้มูลเลอเรียนปริมาณสูงสามารถบอกปริมาณไข่ที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายได้ และเป็นสัญญาณที่ดีที่บอกถึงความสำเร็จในการทำ IVF
• ฮอร์โมน FSH (Follicle-Stimulating Hormone): ฮอร์โมน FSH ที่มีปริมาณสูงในช่วงวันที่ 3 ของรอบเดือนเป็นสัญญาณว่าไข่ที่เหลืออยู่ในรังไข่มีปริมาณน้อย และอาจส่งผลต่อการตอบสนองต่อยากระตุ้นไข่ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำ IVF หรือ ICSI
• ฮอร์โมน LH (Luteinizing Hormone): การทำความเข้าใจระดับฮอร์โมน LH จะช่วยให้ทำนายการตกไข่และช่วยในการเลือกเวลาที่จะทำการเก็บไข่ในกระบวนการทำ IVF ได้ ระดับฮอร์โมน LH ที่สูงมากหรือต่ำมากอาจแสดงให้เห็นว่ามีความไม่สมดุลของฮอร์โมนซึ่งอาจส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์
• ฮอร์โมน Estradiol (E2): ระดับฮอร์โมน Estradiol ที่ผิดปกติอาจบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับไข่ที่เหลืออยู่ หรือการตอบสนองของรังไข่ และอาจส่งผลต่อช่วงเวลาในการเก็บไข่อีกด้วย 

ระดับฮอร์โมนเหล่านี้เป็นองค์ประกอบของภาพรวมของร่างกายที่มีความซับซ้อน การตีความระดับฮอร์โมนเหล่านี้ควรพิจารณาจากบริบทของการทดสอบอื่น ๆ และลักษณะเฉพาะตัวของคนไข้ (เช่นอายุ และสุขภาพโดยรวม) และควรได้รับคำแนะนำและแปลผลโดยผู้ให้บริการทางการแพทย์

ควรใช้ชุดทดสอบฮอร์โมนสำหรับการใช้งานที่บ้านอย่างไร?
ชุดทดสอบฮอร์โมนสำหรับคนอยากมีลูกสามารถใช้งานได้ง่าย ๆ ดังนี้:

1. ควรสั่งซื้อชุดทดสอบจากผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้ โดยควรหาข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตและสินค้าก่อนการใช้งานและเลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ
2. เมื่อได้รับชุดทดสอบแล้วควรทำตามคำแนะนำที่มาพร้อมผลิตภัณฑ์ ชุดทดสอบส่วนใหญ่ต้องใช้ตัวอย่างเลือดปริมาณเล็กน้อยซึ่งคุณสามารถเก็บตัวอย่างได้จากการเจาะเลือดที่ปลายนิ้วมือ
3. เมื่อเก็บตัวอย่างเสร็จแล้วคุณก็ทำการส่งคืนให้กับบริษัทที่ทำการทดสอบ
4. บริษัทจะทำการตรวจตัวอย่างที่ส่งไปในห้องปฏิบัติการ จากนั้นคุณอาจได้รับผลตรวจในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์

ผลการตรวจฮอร์โมนมักเป็นค่าตัวเลขซึ่งจะบอกปริมาณความเข้มข้นของฮอร์โมนในเลือด ค่าที่สูงมากหรือต่ำมากผิดปกติอาจบ่งบอกถึงปัญหาของภาวะเจริญพันธุ์ที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จในการรักษาภาวะมีบุตรยาก ผลการทดสอบนี้มักต้องใช้การแปลผลจากผู้ให้บริการทางการแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะเจริญพันธุ์ ซึ่งจะสามารถอธิบายผลการทดสอบและให้รายละเอียดอย่างครบถ้วน โดยพิจารณาจากบริบทแวดล้อม สุขภาพ ภาวะเจริญพันธุ์ของคุณและโอกาสความสำเร็จในการทำ IVF หรือ ICSI

ควรใช้ชุดทดสอบฮอร์โมนเมื่อไร
การทดสอบฮอร์โมนบางชนิด เช่น FSH, หรือ Estradiol (E2) มักทดสอบในวันที่ 3 ของรอบเดือน เหตุผลที่ควรทดสอบวันนี้เพราะเป็นช่วงแรก ๆ ของวงจรรอบเดือนและระดับฮอร์โมนต่าง ๆ น่าจะอยู่ในระดับต่ำ หากในวันที่ 3 ของรอบเดือนพบว่ามีระดับฮอร์โมน FSH และ Estradiol ปริมาณสูงอาจเป็นสัญญาณว่ามีไข่เหลือน้อยและร่างกายอาจตอบสนองต่อยากระตุ้นไข่ได้ไม่ดี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสำเร็จในการทำ IVF

ฮอร์โมน AMH (Anti-Mullerian Hormone) เป็นฮอร์โมนสำคัญอีกชนิดหนึ่งที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับไข่ที่เหลืออยู่และสามารถทำการทดสอบในวันใดก็ได้ของรอบเดือน

เรื่องที่ควรรู้
ถึงแม้ว่าการทดสอบเหล่านี้สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่า แต่ก็ไม่ใช่เครื่องมือที่ใช้ฟันธงเรื่องสุขภาพของภาวะเจริญพันธุ์ และไม่สามารถการันตีความสำเร็จในการทำ IVF หรือ ICSI ได้ การทดสอบเหล่านี้เพียงแต่วัดระดับของฮอร์โมน ณ​ ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ปัจจัยอื่น ๆ เช่น อายุ การใช้ชีวิต และสุขภาพโดยรวมอาจส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์เช่นกัน 

นอกจากนี้การทดสอบเหล่านี้ไม่สามารถวิเคราะห์โรคหรือปัญหาที่เป็นอยู่ เช่นภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (polycystic ovary syndrome – PCOS) หรือภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) ซึ่งอาจส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ได้ 

โปรดทราบว่าการทดสอบเหล่านี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น คุณควรปรึกษาผู้ให้บริการทางการแพทย์เป็นระยะ ๆ เพื่อวิเคราะห์ผลที่ได้และหาทางเลือกที่ดีที่สุดต่อไป