คู่มือแม่มือใหม่ เตรียมตัวก่อนคลอดอย่างไรให้พร้อม
สาระจาก THAI StemLife
การเตรียมความพร้อมก่อนคลอดให้ดีที่สุดตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้คุณแม่สามารถรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น และช่วยให้ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตดำเนินไปอย่างราบรื่นที่สุด
เมื่อกำหนดคลอดลูกใกล้เข้ามาคุณแม่อาจรู้สึกตื่นเต้นและมีความกังวลเกี่ยวกับการคลอดเจ้าตัวเล็ก Thai StemLife เลยมีเช็กลิสต์การเตรียมความพร้อมที่จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกมั่นใจและคลายความกังวลในหลาย ๆ เรื่องได้ โดยคุณแม่สามารถเตรียมตัวก่อนคลอดได้ตามนี้
- เลือกโรงพยาบาลและแนวทางการคลอด
การพิจารณาเลือกโรงพยาบาลสำหรับการคลอดลูก นอกจากจะคำนึงถึงความสามารถของสูติแพทย์แล้ว คุณแม่ควรมองหาโรงพยาบาลที่ใกล้บ้าน เดินทางได้สะดวก หรืออยู่ในเส้นทางที่คุ้นชิน เพื่อให้สามารถเดินทางไปโรงพยาบาลได้สะดวกที่สุดในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณแม่และทารก ซึ่งแต่ละโรงพยาบาลมีแพ็คเกจคลอดหลายรูปแบบ คุณแม่สามารถประเมินจากระยะทาง การเดินทางและกำลังทรัพย์ว่าเหมาะกับโรงพยาบาลไหนที่สุด - ปรึกษาแพทย์เรื่องวิธีคลอด
ส่วนแนวทางคลอดนั้นคุณแม่มีสิทธิเลือกได้ว่าจะเลือกคลอดแบบใด โดยการคลอดในปัจจุบันมีอยู่ 2 แบบ คือ การคลอดเองตามธรรมชาติ และการผ่าตัดคลอด โดยทั่วไปแล้วหากคุณแม่ตั้งครรภ์ปกติ ไม่มีความเสี่ยง หรือภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะแนะนำให้คุณแม่คลอดธรรมชาติเพื่อให้คุณแม่คลอดลูกได้อย่างปลอดภัยที่สุด แต่หากแพทย์ตรวจพบว่ามีปัญหาเด็กตัวโตเกินไปหรือปากมดลูกไม่เปิดก็จำเป็นที่จะต้องให้คุณแม่ผ่าคลอด - ศึกษาขั้นตอนการคลอดเบื้องต้น
คุณแม่ควรเริ่มศึกษาขั้นตอนการคลอดเจ้าตัวเล็กแบบต่าง ๆ เมื่ออายุครรภ์ประมาณ 20 สัปดาห์ เพื่อให้เข้าใจระยะของการคลอด รวมถึงเรียนรู้เทคนิคการหายใจ เทคนิคการผ่อนคลาย ที่จะช่วยให้คุณแม่จัดการกับความเจ็บปวดได้ โดยสามารถศึกษาจากวิดีโอออนไลน์ที่เชื่อถือได้ หรือเข้าคลาสเตรียมความพร้อมสำหร้บคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เปิดการเตรียมตัวคลอดโดยเฉพาะ - เตรียมที่นอนให้เจ้าตัวเล็ก
ในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอด คุณแม่ควรให้ลูกนอนห้องเดียวกับคุณพ่อคุณแม่ แต่ไม่ควรนอนบนเตียงเดียวกันเพื่อป้องกันอันตรายกรณีที่คุณแม่เผลอหลับแล้วนอนทับลูกซึ่งอาจทำให้ทารกขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตได้ โดยควรจัดให้ลูกนอนบนที่นอนที่แข็งและต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีของเล่นหรือสิ่งอื่นของอื่น ๆ เช่น ตุ๊กตา โดยเฉพาะบริเวณใกล้ศีรษะ เนื่องจากอาจไปกดทับทางเดินหายใจ และอาจทำให้ลูกรู้สึกร้อนเกินไป เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการทารกเสียชีวิตกะทันหัน (SIDS) หรือที่เรารู้จักกันว่าโรคไหลตาย
- วางแผนการเงินและประกันสำหรับลูก
เพราะการมีลูกสักคนหนึ่งตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่มากมาย คุณพ่อคุณแม่ควรวางแผนการเงินให้รัดกุม จัดการหนี้สินให้เร็วที่สุด พร้อมสำรวจค่าใช้จ่ายตลอดช่วงชีวิตในการดูแลลูกเพื่อวางแผนการออมเงินให้เหมาะสมจะได้ไม่เป็นปัญหาในอนาคตนอกจากนี้ การวางแผนประกันสุขภาพสำหรับลูกก็เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากภูมิคุ้มกันของเด็กแรกเกิดยังไม่แข็งแรงจึงมีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่าย ดังนั้น หลาย ๆ ครอบครัวจึงเริ่มวางแผนเรื่องสุขภาพของลูกตั้งแต่แรกเกิด โดยประกันสุขภาพเด็กแรกเกิดจะมีผลคุ้มครองตั้งแต่อยู่ในท้อง แรกเกิด 15 วัน และแรกเกิด 30 วัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขตามที่บริษัทประกันภัยกำหนด - ศึกษาเรื่องการเก็บสเต็มเซลล์
การเก็บสเต็มเซลล์เปรียบเสมือนการประกันชีวิตให้แก่ลูกตั้งแต่แรกเกิดว่าหากในอนาคตลูกน้อยมีอาการเจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุ ก็สามารถเอาสเต็มเซลล์ที่เก็บไว้มาใช้รักษาได้ โดยปัจจุบันมีรายงานทางการแพทย์ถึงความสำเร็จของการรักษาโรคต่าง ๆ ด้วยสเต็มเซลล์ออกมาเรื่อย ๆ เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง รักษาภาวะสมองพิการ รักษาอาการบาดเจ็บที่ไขสันหลังอย่างรุนแรง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คุณแม่ที่สนใจจะเก็บสเต็มเซลล์ควรศึกษาความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ให้บริการเก็บสเต็มเซลล์ รวมถึงต้องเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ในการนำสเต็มเซลล์ไปใช้ในการช่วยชีวิตในสถานการณ์จริง และเปิดทำการ 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับการรักษาหากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น
การเตรียมตัวคลอดอย่างรอบคอบไม่เพียงแต่จะช่วยลดความกังวลให้คุณแม่เท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณแม่สามารถรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีเมื่อวันพิเศษที่สุดมาถึงด้วย
พาร์ทเนอร์ที่มะลิไว้ใจ
THAI StemLife เป็นบริษัทสเต็มเซลล์แห่งแรก และบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยเป็นบริษัทเดียวที่มีประสบการณ์ในการนำสเต็มเซลล์ไปใช้ในการช่วยชีวิตในสถานการณ์จริง และยังเป็นบริษัทเดียวที่เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับการรักษาภาวะบาดเจ็บทางสมองในเหตุฉุกเฉิน