พัฒนาการตลอด 9 เดือนของลูกในท้องจากมุมมองของลูกน้อย
ลูก
เดวิด บาร์กเกอร์ นักระบาดวิทยากล่าวว่า ในขณะที่ลูกค่อย ๆ เติบโตขึ้นในท้องของแม่ เขาก็จะได้รับ “ข้อมูล”จากโลกภายนอก ซึ่งจะบอกเราว่าโลกภายนอกนั้นอันตราย หรือปลอดภัยหรือไม่ มีอาหารอุดมสมบูรณ์หรือขาดแคลน ซึ่งลูกก็จะใช้ข้อมูลนั้นในการเรียนรู้และค่อย ๆ พัฒนาไปตามนั้น
บทความนี้จะบอกคุณแม่ถึงความรู้สึกในท้องจากมุมของลูกที่กำลังเติบโตอยู่
เดือนที่ 1 (ไตรมาสแรก)
หลังจากเริ่มต้นชีวิตมาได้ 24 ชั่วโมง ข้อมูลทางพันธุกรรมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการพัฒนาถูกบรรจุอยู่ในเซลล์ที่มีอยู่เซลล์เดียวของลูกเช่น สีผม สีผิว หรือแม้แต่ พรสวรรค์เฉพาะทาง เช่นความสามารถทางด้านดนตรี ศิลปะ จากนั้นเขาก็จะเริ่มแบ่งตัวออกเรื่อย ๆ จนผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ลูกจะได้เดินทางจากรังไข่ไปสู่โพรงมดลูก แล้วก็จะแบ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน ครึ่งหนึ่งจะพัฒนามาเป็นตัวของเขา ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะกลายเป็นรก ซึ่งจะเป็นสายใยที่หล่อเลี้ยงชีวิตของลูก เป็นทางส่งผ่านอาหารและออกซิเจน และช่วยพาของเสียออกไปจากร่างกายภายในหลาย ๆ เดือนข้างหน้า เมื่อถึงสัปดาห์ที่ 4 ลูกก็จะพัฒนาจนกลายเป็นคนที่มีความซับซ้อนและมีอัตราการเติบโตถึง 1 ล้านเซลล์ต่อวินาที ไขสันหลัง หัวใจ และสมองของเขาในตอนนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วและมีขนาดประมาณเท่ากับเมล็ดป็อปปี้
เดือนที่ 2 (ไตรมาสแรก)
เมื่อถึงสัปดาห์ที่ 5 หัวใจของลูกก็จะเริ่มเต้น ณ ตอนนี้เขามีขนาดใหญ่กว่าเมื่อตอนเริ่มต้นถึง 10,000 เท่า นี่เป็นจุดที่สำคัญสำหรับการพัฒนาระบบประสาทของเขา เนื่องจากสมองเติบโตในอัตราประมาณ 100,000 เซลล์ต่อนาที ถ้าคุณแม่ดื่มแอลกอฮอล์ เสพสิ่งเสพติด มีความเครียดจัด บาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยในช่วงนี้ก็จะส่งผลกระทบหรือทำลายกระบวนการพัฒนาสมองของเขาได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การด้อยพัฒนาการทางการเรียนรู้ หรือเป็นสาเหตุของโรคทางจิตเภทในอีกหลาย ๆ ปีข้างหน้าได้ เมื่อครบสัปดาห์ที่ 8 อวัยวะหลัก ๆ ทุกส่วนของลูกจะเริ่มพัฒนาขึ้น ใบหน้าและแขนขาก็จะถูกสร้างขึ้น หัวใจของเขาจะเต้น 150 – 170 ครั้งต่อนาที ซึ่งเร็วกว่าหัวใจของคุณแม่ถึง 2 เท่า ลูกจะเริ่มเคลื่อนไหวได้แบบกระตุก ๆ และในตอนนี้เขาก็มีขนาดเท่ากับลูกมะยมแล้ว
เดือนที่ 3 (ไตรมาสแรก)
เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 3 ลูกจะเริ่มตอบสนองต่อสิ่งเร้า ระบบการดมกลิ่นของเขาก็จะเริ่มพัฒนา ถ้ามีใครสูบบุหรี่ ควันบุหรี่ก็อาจทำให้เขาหงุดหงิดได้ สมองของลูกยังคงเติบโตรวดเร็วอย่างต่อเนื่อง ในตอนนี้ลูกยังตัวเล็กมากและในท้องแม่ก็ยังมีพื้นที่เหลืออีกมากสำหรับการดิ้นแบบสุดเหวี่ยง มดลูกของคุณแม่ก็จะกลายเป็น “สนามเด็กเล่นสำหรับฝึกประสาทสัมผัส” เขาจะเรียนรู้ที่จะขยับแขน คลายนิ้วมือและนิ้วเท้า แอ่นหลัง ยิ้ม ทำหน้าตาตลก ๆ หรือดูดนิ้วหัวแม่มือ และ 75% ของเด็ก ๆ จะแสดงออกให้เห็นได้แล้วว่าเป็นคนถนัดขวาหรือซ้าย และตอนนี้ลูกก็มีขนาดเท่ากับผลเลมอนแล้ว
เดือนที่ 4 (ไตรมาสที่ 2)
ในตอนนี้หัวของลูกจะมีขนาดเป็นครึ่งหนึ่งของขนาดของเขา เขาเริ่มจะเรียนรู้ที่จะเตะขา ปัสสาวะ กลืน มีการพัฒนาของปุ่มรับรส ถ้าคุณแม่รับประทานอาหารที่มีหลากหลายรสชาติ เขาก็จะเรียนรู้ที่จะรับรสชาติที่แตกต่างกันได้และจะไม่กลายเป็นเด็กกินยาก แต่ถ้าเขาได้รับสารอาหารที่ไม่ดี หรือไม่เพียงพอในช่วงนี้ อาจมีผลกระทบกับการพัฒนาอวัยวะและทำให้มีความผิดปกติหรือพิการถาวรได้ นักวิจัยพบว่าปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน ภาวะหัวใจผิดปกติ และโรคเบาหวานที่เกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นนั้นเกิดจากการพัฒนาที่ไม่สมบูรณ์เมื่ออยู่ในครรภ์ และตอนนี้ลูกมีขนาดเท่ากับมะเขือเทศ
เดือนที่ 5 (ไตรมาสที่ 2)
ก่อนหน้านี้เสียงของพ่อกับแม่อาจฟังดูแปลก ๆ และไม่คุ้นเคย แต่ตอนนี้ลูกกำลังเริ่มเรียนรู้ความแตกต่าง ได้ยินเสียง และแบ่งแยกเสียงของพ่อแม่ได้ ขนาดตัวของเขาขยายใหญ่ขึ้น เริ่มมีฟัน เส้นผม เล็บ ขนคิ้ว และขนตา มีความกระตือรือร้นเพิ่มขึ้นทุกวัน เพลิดเพลินกับการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ของเขา สามารถบิดตัว เตะ และหมุนตัว คุณแม่จะเริ่มรู้สึกได้ว่าเขาขยับ สิ่งนี้เรียกว่า “การดิ้นของทารก” ตอนนี้เขามีขนาดเท่ากับผลแก้วมังกรแล้ว
เดือนที่ 6 (ไตรมาสที่ 2)
เมื่อถึงสัปดาห์ที่ 26 ลูกจะเริ่มลืมตาได้เป็นครั้งแรก ถึงแม้ว่าทุกอย่างที่มองเห็นจะมัว ๆ ก็ตาม แต่เขาก็จะมีการตอบสนองต่อแสง บางครั้งผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้คุณแม่ไปอยู่ในที่ ๆ มีแสงแดดส่อง ในเดือนที่ 6 นี้ สมองส่วนหลักของเขาจะถูกพัฒนาขึ้น สมองจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือสมองซีกซ้าย และสมองซีกขวา จากการศึกษาพบว่าในช่วงนี้เขาจะสามารถแสดงความรู้สึกอย่างง่าย ๆ ได้แล้ว เช่นการยิ้ม นักวิจัยคิดว่าลูกสามารถเรียนรู้ที่จะสื่อสารตั้งแต่ตอนนี้ และเมื่อเขาเกิดก็จะสามารถแสดงความรู้สึกให้ผู้อื่นรับรู้ได้ เช่น เมื่อหิว เมื่อรู้สึกไม่พอใจ หรือรู้สึกไม่สบายตัว ในตอนนี้เขามีขนาดเท่ากับดอกกะหล่ำแล้ว
เดือนที่ 7 (ไตรมาสที่ 3)
ณ ตอนนี้ลูกจะเริ่มนอนและตื่นเป็นเวลา เริ่มมีเส้นผมมากขึ้น และฟันน้ำนมถูกสร้างขึ้นภายในเหงือกแล้ว เขาสามารถได้ยินเสียงชัดเจนมากขึ้น และตอบโต้ด้วยอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้น และเคลื่อนไหวมากขึ้น นักวิจัยหลายคนเชื่อว่าเด็กทารกเริ่มที่จะเรียนรู้ภาษาตั้งแต่ตอนนี้ เนื่องจากเขาจะแสดงความชอบเมื่อได้ยินเสียงพ่อและแม่และภาษาแม่ทันทีตั้งแต่แรกเกิด ถ้าหากเขาต้องคลอดตอนนี้จะมีโอกาสรอดชีวิต 90% และมีขนาดเท่ากับผลสัปปะรด
เดือนที่ 8 (ไตรมาสที่ 3)
ตอนนี้ลูกจะเริ่มมีพฤติกรรมเหมือนเด็กแรกเกิด ระบบประสาทและสมองของเขาได้พัฒนาเต็มที่แล้ว และเริ่มที่จะพัฒนาระบบภูมิคุ้มกัน ปอดของเขาใกล้จะสมบูรณ์แล้ว เขาเริ่มฝึกการหายใจโดยการสูดเอาน้ำคร่ำเข้าไป ในช่วงนี้เขาจะใช้เวลาประมาณ 90 – 95% ไปกับการนอนหลับ ไม่ว่าจะหลับหรือตื่นเขาก็จะขยับตัวประมาณ 50 ครั้งต่อชั่วโมงและสามารถสำรวจรอบ ๆ ตัวโดยใช้มือสัมผัสหรือเคลื่อนตัวไปรอบ ๆ ผนังมดลูกของคุณแม่โดยใช้เท้าถีบเพื่อเป็นการเตรียมตัวสำหรับการออกมาสู่โลกภายนอก ทารกส่วนใหญ่จะหมุนเอาหัวลงแล้ว ตอนนี้ลูกมีขนาดเท่ากับลูกเมล่อน
เดือนที่ 9 (ไตรมาสที่ 3)
ในเดือนสุดท้ายนี้ เพื่อฝึกทักษะการเคลื่อนไหว ลูกก็จะถีบและเตะ เมื่อคุณแม่หัวเราะ ทานของหวาน หรือดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ เขาก็จะตอบสนองโดยการกระเด้งกระดอนไปมา ทั้งร่างกายและจิตใจของเขาในตอนนี้ถูกก่อตัวขึ้นมาจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่วันแรกที่ถือกำเนิด รูปลักษณ์ นิสัยใจคอ และบุคลิกพื้นฐานของเขาก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้น และตอนนี้เขาก็มีขนาดเท่ากับลูกขนุนแล้ว