แท้งแล้วท้องอีกได้เมื่อไหร่ สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการแท้งบุตร
เกร็ดความรู้
การต้องผ่านประสบการณ์การแท้งบุตรนั้นเป็นเรื่องน่าเศร้าใจเป็นที่สุด แต่การแท้งบุตรนั้นเป็นปรากฎการณ์ที่ค่อนข้างเห็นได้ทั่วไป ประมาณ 20% ของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์นั้นมีโอกาสแท้งบุตรในช่วงไตรมาสแรก
สาเหตุของการแท้งบุตร
สาเหตุที่ทำให้เกิดการแท้งบุตรมีได้หลากหลาย แต่สาเหตุที่พบได้บ่อยที่เกิดในไตรมาสแรกคือความผิดปกติของโครโมโซมของทารก ซึ่งเกิดจากการที่ไข่หรือเสปิร์มมีบางอย่างผิดปกติอยู่ในโครโมโซม จึงทำให้ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วไม่สามารถเจริญเติบโตได้
สัญญาณของอาการแท้ง
การมีเลือดออกทางช่องคลอด: อาจมีเลือดออกเล็กน้อยหรือมีมูกเลือดที่มีสีออกชมพู น้ำตาล หรือแดงสดก็ได้ และอาจมีอาการปวดจากการบีบตัวหรือไม่มีก็ได้
อาการปวดท้อง: มีอาการปวดบริเวณหลังส่วนล่างตั้งแต่เบาจนถึงหนัก อาจมีการปวดบีบเป็นระยะหรือปวดเป็นเวลานาน ส่วนมากจะรู้สึกคล้ายกับเวลามีประจำเดือนแต่จะปวดมากกว่า
หากคุณแม่มีอาการแรกเริ่มที่เป็นสัญญาณของการแท้งบุตรเหล่านี้ คุณแม่ควรปรึกษากับคุณหมอในทันที เพื่อให้คุณหมอได้วินิจฉัยว่าคุณแม่มีโอกาสแท้งบุตรหรือไม่
การแท้งบุตรนั้นสามารถเกิดขึ้นได้บ่อยกว่าที่คิด
ก่อนอื่นคุณแม่ควรทราบว่าการแท้งบุตรนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกการตั้งครรภ์ และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนที่แข็งแรงหรือไม่แข็งแรง อายุน้อยหรือมาก ฐานะดีหรือไม่ดีก็ตาม ถึงแม้ว่าคุณแม่จะระวังตัวอย่างดีที่สุดและพยายามที่จะรักษาระดับความเครียดให้น้อยที่สุดในการตั้งครรภ์แล้ว การแท้งบุตรก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ และหากเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณแม่ไม่ควรโทษตัวเอง เพราะนี่ไม่ใช่ความผิดของคุณแม่
สถิติความเป็นไปได้ของการเกิดการแท้งบุตรในแต่ละช่วงระยะเวลาการตั้งครรภ์
- สัปดาห์ 3: ประมาณ 30%
- สัปดาห์ 5: ประมาณ 20%
- สัปดาห์ 8: ประมาณ 5%
- สัปดาห์ 10: ประมาณ 2.5%
- สัปดาห์ 14: ประมาณ 1%
- สัปดาห์ 16: ประมาณ 0.5%
- สัปดาห์ 19: ประมาณ 0.1%
- สัปดาห์ 20: ประมาณ 0.01%
สถิตินี้ไม่รวมภาวะตายคลอด ซึ่งถือว่าเป็นการสูญเสียทารกในครรภ์คนละประเภทกับการแท้งบุตรและมีสาเหตุและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน และความเสี่ยงของการเกิดภาวะตายคลอดนั้นสามารถเพิ่มขึ้นได้เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น ใกล้ ๆ ช่วงใกล้คลอด
หากแท้งบุตรต้องทำอย่างไร
หากมีการแท้งบุตร คุณแม่ควรปรึกษากับคุณหมอว่าต้องมีการรักษาหรือการดูแลสุขภาพในด้านใดเป็นพิเศษหรือไม่ คุณแม่อาจต้องใช้เวลาพักฟื้นหลายสัปดาห์ไปจนถึงหลายเดือนจึงจะกลับมามีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์พร้อมอีกครั้ง
ตั้งครรภ์ครั้งใหม่
คุณหมอผู้เชี่ยวชาญหลายท่านแนะนำให้คุณแม่พักฟื้นอย่างเต็มที่โดยใช้เวลาสัก 2-3 เดือน เพื่อเพิ่มโอกาสในการมีสุขภาพครรภ์ที่แข็งแรงให้มากขึ้น ในทางการแพทย์ ระยะที่ค่อนข้างปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์ครั้งใหม่คือหลังจากที่คุณแม่มีรอบเดือนเป็นปกติแล้วสัก 2-3 รอบ แต่ก็มีคุณแม่บางท่านที่อาจมีปัญหาทางด้านสุขภาพจึงต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนานกว่านั้น อย่าลืมว่ามดลูกของคุณแม่ต้องการเวลาในการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ คุณแม่จึงควรรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมที่สุดก่อน
จะป้องกันการแท้งบุตรได้อย่างไร
อย่างที่คุณแม่ได้ทราบไปแล้วว่าสาเหตุที่พบได้ทั่วไปของการแท้งบุตรคือความผิดปกติของโครโมโซม ดังนั้นคุณแม่จึงไม่สามารถทำอะไรได้มากนักเพื่อจะป้องกันการเกิดความผิดปกตินี้ แต่สิ่งที่คุณแม่สามารถทำได้คือการเตรียมสิ่งแวดล้อมและปัจจัยรอบตัวให้พร้อมสำหรับการก่อตัวของชีวิตใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
- รักษาสุขภาพให้แข็งแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ทานอาหารที่มีประโยชน์และรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่เกณฑ์สุขภาพที่ดี
- ไม่สูบบุหรี่
- พยายามบริหารจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้นด้วยวิธีที่คุณแม่รู้สึกสบายใจ
- รับประทานโฟเลต
คุณแม่อาจลองปรึกษากับคุณหมอเพื่อดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมที่คุณแม่จะสามารถทำได้อีกบ้าง