จำเป็นต้องเก็บสเต็มเซลล์ลูกจริงหรือไม่?

สเต็มเซลล์เป็นวัตถุดิบตั้งต้นของร่างกาย เป็นเซลล์ที่สามารถนำไปสร้างเซลล์อื่น ๆ ที่มีหน้าที่พิเศษทั้งหมดและเนื่องจากสเต็มเซลล์มีคุณสมบัติที่หลากหลาย จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้ทางการแพทย์ เพื่อรักษาโรคได้หลายชนิด

ทำไมสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือของทารกจึงมีความพิเศษมาก?
สเต็มเซลล์ของมนุษย์สามารถมาจากเซลล์ที่มีชีวิตเซลล์ใดก็ได้  อย่างไรก็ตาม เมื่อสเต็มเซลล์มีอายุมากขึ้น ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนเป็นเซลล์อื่น ๆ จะเสื่อมลง นี่คือเหตุผลว่าทำไมสเต็มเซลล์จากตัวอ่อนจึงมีศักยภาพมากกว่าสเต็มเซลล์จากผู้ใหญ่ สเต็มเซลล์ที่มีศักยภาพมากที่สุดเรียกว่าเซลล์แบบ omnipotent ซึ่งได้มาจากไข่ที่ปฏิสนธิจากการปฏิสนธินอกร่างกาย (IVF) แต่การเก็บสเต็มเซลล์ชนิดนี้จะทำให้ตัวอ่อนถูกทำลาย สเต็มเซลล์ที่มีศักยภาพมากเป็นอันดับสอง เรียกว่าเซลล์ pluripotent สามารถเก็บจากตัวอ่อนหรือเลือดจากสายสะดือ เซลล์ชนิดนี้สามารถแบ่งออกเป็นสเต็มเซลล์จำนวนมากขึ้น และสามารถกลายเป็นเซลล์ชนิดใดก็ได้ในร่างกาย เนื่องจากการใช้สเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือไม่เป็นอันตรายต่อทารก วิธีนี้จึงได้รับความนิยมมากขึ้น

ทําไมคุณพ่อคุณแม่ถึงนิยมเก็บเลือดจากสายสะดือของลูกไว้?
การตัดสินใจเก็บเลือดจากสายสะดือเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล ผู้ปกครองบางคนเลือกเก็บเพราะเซลล์ในเลือดจากสายสะดือเหมาะกับทารกคนนั้นที่สุด และสามารถนำมาใช้เพื่อช่วยให้ลูกรอดจากภัยคุกคามทางสุขภาพที่ร้ายแรง เช่น ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันหรือปัญหาเกี่ยวกับการเผาผลาญ โดยสเต็มเซลล์จะถูกเก็บไว้เพื่อลูกและสมาชิกในครอบครัวโดยเฉพาะ

สามารถทำการรักษาโดยไม่ต้องเก็บสเต็มเซลล์ได้หรือไม่?
อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ปกครองในการรักษาด้วยเทคโนโลยีสเต็มเซลล์ คือการรับบริจาค ซึ่งต้องรอให้พบผู้บริจาคที่มีความเหมาะสมซึ่งหาได้ยากมาก หากไม่มีความเหมาะสมทางชีวภาพ ระบบภูมิคุ้มกันของผู้รับอาจคิดว่าสเต็มเซลล์เป็นผู้บุกรุกที่ต้องการโจมตีร่างกาย และสเต็มเซลล์อาจทำงานล้มเหลว เติบโตอย่างผิดปกติ หรืออาจจะกลายเป็นเซลล์พิเศษประเภทอื่นในส่วนที่ไม่ได้ใช้ในการรักษา 

ใครสามารถใช้สเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือของลูกของคุณได้บ้าง?
นอกเหนือจากการใช้เพื่อรักษาเจ้าของสเต็มเซลล์แล้ว สเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือของลูกยังมีโอกาสที่จะสามารถนำมาใช้เพื่อรักษาโรคทางพันธุกรรมของผู้ที่มีความเหมาะสมทางชีวภาพ เช่น พี่น้อง หรือสมาชิกในครอบครัวได้อีกด้วย

คุณสามารถฝากสเต็มเซลล์ได้นานแค่ไหน?
หอสมุดแพทย์แห่งชาติอเมริกันระบุว่าสเต็มเซลล์จะสามารถถูกจัดเก็บไว้ได้นาน 21-23.5 ปีโดยไม่สูญเสียคุณภาพที่สำคัญ

มีการใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาโรคจริงหรือไม่?
เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ถูกนํามาใช้เพื่อรักษาผู้ป่วย เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และเมื่อไม่นานมานี้สเต็มเซลล์ก็ได้ถูกนําไปใช้กับการแพทย์ด้านอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การบรรเทาอาการของโรค Fanconi’s Anemia, การฟื้นฟูการมองเห็น, รักษาอาการบาดเจ็บที่ไขสันหลังอย่างรุนแรง, รักษา HIV เป็นต้น 

สำหรับในประเทศไทย มีการเริ่มเก็บสเต็มเซลล์ไว้ใช้งานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 โดยมี THAI StemLife เป็นธนาคารสเต็มเซลล์แห่งแรก และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผู้ริเริ่มพัฒนาศาสตร์ในการช่วยชีวิต และฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของเด็ก ๆ ที่เกิดมาพร้อมกับโรคธาลัสซีเมีย, อาการสมองบวม, ภาวะสมองทำงานผิดปกติเนื่องจากการขาดออกซิเจนหรือขาดเลือด และโรคอื่น ๆ อีกมากมาย

นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อค้นหาวิธีการนำเอาสเต็มเซลล์มาใช้ในการรักษาแบบเซลล์ภูมิคุ้มกันบำบัด, รักษาโรคหัวใจ, โรคปอด, และอื่น ๆ อีกมากมาย

การเก็บสเต็มเซลล์ของลูกกับธนาคารเอกชน
การเก็บเลือดจากสายสะดือในธนาคารเอกชน หมายความว่าเลือดจากสายสะดือนั้นจะมีไว้สำหรับครอบครัวของคุณเท่านั้น และเมื่อเก็บสเต็มเซลล์กับ THAI StemLife คุณจะสามารถเข้าถึงบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง การจัดเก็บประเภทนี้มักจะต้องเสียค่าธรรมเนียมแรกเข้า ค่าธรรมเนียมในการเก็บรักษา และ ค่าธรรมเนียมเมื่อนำสเต็มเซลล์มาใช้ 

ทำไมมะลิจึงเลือกไว้ใจ THAI StemLife?
เมื่อจัดเก็บที่ธนาคารเอกชน สิ่งสำคัญคือการเลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือและมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง เพื่อให้แน่ในว่าผู้ให้บริการเหล่านั้นจะสามารถจัดเก็บสเต็มเซลล์ของคุณไว้ได้จนถึงเวลาที่ต้องการจะใช้งาน THAI StemLife เป็นบริษัทสเต็มเซลล์แห่งแรก และบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งเป็นบริษัทเดียวที่มีประสบการณ์ในการนำสเต็มเซลล์ไปใช้ในการช่วยชีวิตในสถานการณ์จริง และยังเป็นบริษัทเดียวที่เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับการรักษาภาวะบาดเจ็บทางสมองอย่างรุนแรงในเหตุฉุกเฉิน