คาร์ซีทช่วยชีวิตได้จริงหรือไม่?
สาระจาก THAI StemLife
ประเทศไทยมีถนนที่อันตรายที่สุดในภูมิภาค นั่นหมายความว่าอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้บ่อยและเกิดได้ตลอดเวลา และบ่อยครั้งก็เกิดกับเด็กเล็ก
อันตรายของถนนในประเทศไทย
การบังคับใช้กฎจราจรในประเทศไทยมักเป็นไปอย่างไม่เข้มงวด ซึ่งทำให้ใคร ๆ ก็สามารถขับรถตามใจตัวเองได้ แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนหลายพันคน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบล้านครั้ง โดยในกลุ่มที่บาดเจ็บนั้น เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี ถึง 25%
คุณจะปกป้องลูกได้อย่างไร?
สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำได้เพื่อปกป้องตัวเองและคนที่คุณรักคือการขับรถอย่างปลอดภัยและคาดเข็มขัดนิรภัย เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีควรนั่งในคาร์ซีทที่เหมาะสมกับอายุและควรนั่งที่เบาะหลังเสมอ คุณในฐานะผู้ปกครองควรปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ขับรถอย่างปลอดภัยไว้ก่อน และให้ทางแก่ผู้อื่น หากคุณทำตามทั้งหมดนี้ก็จะสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุลงได้มาก
คาร์ซีทจะช่วยได้อย่างไร?
โครงสร้างภายในของรถนั้นถูกสร้างมาเพื่อปกป้องร่างกายของผู้ใหญ่ เข็มขัดนิรภัยใช้คาดช่วงกลางลำตัวและพาดผ่านหัวไหล่ โดยหากรถหยุดกะทันหันจะมีแรงกระแทกที่ซี่โครงและเชิงกราน เข็มขัดนิรภัยนั้นมีขนาดไม่เหมาะสมกับเด็กเล็ก และหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น เข็มขัดนิรภัยจะไม่สามารถรัดตัวเด็กเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงควรใช้คาร์ซีทที่ออกแบบมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ส่วนถุงลมนิรภัยก็ออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่เช่นกัน โดยถุงลมนิรภัยจะกางออกอย่างรุนแรงเพื่อปกป้องผู้ใหญ่เพศชายขนาดปานกลางไม่ให้ได้รับอันตราย แต่หากนำมาใช้กับเด็กอาจทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงควรติดตั้งคาร์ซีทไว้ที่เบาะหลังเท่านั้น
การเลือกคาร์ซีทที่เหมาะสม
ในการเลือกคาร์ซีทที่เหมาะสมสำหรับลูก มีปัจจัยที่ควรคำนึงถึง 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่ อายุ น้ำหนักและส่วนสูงของลูกน้อย
- เด็กแรกเกิดถึงอายุ 2 ปี: ควรใช้คาร์ซีทที่หันไปด้านหลัง น้ำหนักของลูก ไม่ควรเกินขีดจำกัดที่กำหนดสำหรับคาร์ซีทรุ่นนั้น ๆ
- อายุ 2 – 4 ปีและน้ำหนักไม่เกิน 18 กิโลกรัม: ใช้คาร์ซีทที่หันไปด้านหน้า และปลอดภัยสำหรับเด็ก
- อายุ 4 ปีขึ้นไปและส่วนสูงไม่เกิน 145 ซม.: ใช้บูสเตอร์ซีทเพื่อเพิ่มส่วนสูง และลูกควรนั่งที่เบาะหลังเท่านั้น
ควรทำอย่างไรเมื่อเกิดการบาดเจ็บ?
อุบัติเหตุที่ไม่ถึงแก่ชีวิตมักทำให้เกิดการบาดเจ็บหลายจุด ในกรณีที่บาดเจ็บจะต้องทำการรักษาและราคาที่ต้องจ่ายก็มักสูงมาก ทั้งค่ารักษาที่เป็นตัวเงิน และการสูญเสียด้านคุณภาพชีวิต เช่นอัมพาต ภาวะโคม่า กระดูกแตกอย่างรุนแรง และอาจต้องรักษาตลอดชีวิต โดยส่วนใหญ่แล้วการบาดเจ็บที่รุนแรงมักไม่มีทางรักษาให้หายขาด หากคุณหรือคนที่คุณรักเกิดอุบัติเหตุ ควรพยายามตั้งสติและทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- จอดรถห่างจากจุดเกิดเหตุและเปิดไฟฉุกเฉิน
- ป้องกันบริเวณที่อยู่และดูแลยานพาหนะให้ปลอดภัย
- โทรเรียกรถพยาบาล
- ประเมินอาการบาดเจ็บ
- หากจำเป็นให้ทำการปฐมพยาบาลหรือทำ CPR
- ไม่ควรย้ายผู้บาดเจ็บ พยายามแยกแยะประเภทอาการบาดเจ็บและคอยดูการตอบสนอง
- ในกรณีที่มีการกระทบกระเทือนทางสมองอย่างรุนแรง และคุณได้เก็บสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือทารกของลูกไว้ ให้ติดต่อผู้ให้บริการทันที
อุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดขณะที่ไม่ได้ใช้คาร์ซีทอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บอย่างรุนแรง ซึ่งรวมถึงภาวะบาดเจ็บทางสมอง
ภาวะบาดเจ็บทางสมองคืออะไร
ภาวะบาดเจ็บทางสมอง (traumatic brain injury หรือ TBI) คือการบาดเจ็บที่ส่งผลต่อการทำงานของสมอง เด็กเล็กอาจมีภาวะ TBI จากการตกจากที่สูง การจมน้ำ หรือจากอุบัติเหตุรถชน
ภาวะบาดเจ็บทางสมองเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตและภาวะพิการ ในกรณีที่รุนแรงแพทย์จะทำการรักษาโดยทำการผ่าตัดด่วนเพื่อหยุดการไหลของเลือดภายในสมองหรือเพื่อลดแรงดันจากอาการบวม
ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน หากคุณได้ทำการเก็บสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือของลูกน้อยเอาไว้ในธนาคารที่สามารถเข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการช่วยชีวิตได้
การรักษาภาวะบาดเจ็บทางสมองด้วยสเต็มเซลล์
ในปัจจุบันมีวิธีการรักษารูปแบบใหม่สำหรับภาวะบาดเจ็บทางสมอง โดยใช้สเต็มเซลล์ในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ประสาท ที่ผ่านมาการรักษาด้วยสเต็มเซลล์สามารถช่วยฟื้นฟูอาการหลังจากเกิดภาวะบาดเจ็บทางสมองได้
อย่างไรก็ตามโอกาสในการรักษาด้วยวิธีนี้จะต้องใช้สเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือทารกภายใน 48 ชั่วโมง หากคุณได้ทำการเก็บสเต็มเซลล์ไว้กับ THAI StemLife ธนาคารจะสามารถส่งสเต็มเซลล์ของลูกไปยังห้อง ICU ในพื้นที่ได้ภายใน 4 ชั่วโมง เนื่องจากบริษัทให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และมีสายด่วนเพื่ออุบัติเหตุรูปแบบนี้โดยเฉพาะ ทำให้ลดโอกาสเกิดการสูญเสียได้มากขึ้น สำหรับผู้ที่ไม่ได้เก็บสเต็มเซลล์จากสายสะดือ สามารถใช้สเต็มเซลล์จากไขกระดูกมาช่วยในการรักษาได้เช่นกัน หากนำมาใช้อย่างทันท่วงที คุณสามารถติดต่อสายด่วนของ THAI StemLife ได้ที่เบอร์ +6681 340 7676
หากคุณได้ทำการเก็บสเต็มเซลล์ของลูกเอาไว้ก็จะช่วยเพิ่มการปกป้องอันตรายได้อีกชั้นหนึ่งนอกเหนือจากคาร์ซีทที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับลูกน้อย
พาร์ทเนอร์ที่มะลิไว้ใจ
THAI StemLife เป็นบริษัทสเต็มเซลล์แห่งแรก และบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยเป็นบริษัทเดียวที่มีประสบการณ์ในการนำสเต็มเซลล์ไปใช้ในการช่วยชีวิตในสถานการณ์จริง และยังเป็นบริษัทเดียวที่เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับการรักษาภาวะบาดเจ็บทางสมองในเหตุฉุกเฉิน