เมนูสำหรับทารก: อะโวคาโดผสมกล้วย

ในตอนนี้หากลูกได้ลองกินทั้งอะโวคาโดและกล้วยซึ่งต่างก็อุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีแล้ว คุณก็สามารถนำผลไม้สองชนิดมาผสมกันเพื่อให้ลูกน้อยได้ลองรสชาติใหม่ ๆ ได้
ทำไมส่วนผสมนี้จึงดีต่อลูก?
ส่วนผสมนี้เป็นการมาเจอกันของอาหารที่ยอดเยี่ยมสองอย่าง อะโวคาโดอุดมไปด้วยไขมันดีและไฟเบอร์ ส่วนกล้วยก็มีโพแทสเซียมและวิตามินซี กล้วยยังช่วยเพิ่มความหวานและช่วยให้เนื้อสัมผัสที่หนาแน่นของอะโวคาโดบดเบาลงและทานง่ายขึ้น
สิ่งที่ควรรู้
กล้วยประกอบด้วยน้ำตาลปริมาณมาก ซึ่งหากบริโภคมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อการพัฒนาสมองของเด็กได้ และหากบริโภคอะโวคาโดมากเกินไปอาจทำให้ท้องเสียได้
ลูกจะเริ่มกินอะโวคาโดผสมกล้วยได้เมื่อไร?
คุณสามารถให้ลูกกินส่วนผสมนี้เมื่อลูกน้อยได้ลองกินอาหารทั้งสองชนิดและไม่มีอาการแพ้อาหาร
เมนูอะโวคาโดผสมกล้วย
- อะโวคาโดผสมกล้วยบดละเอียด: ผสมอะโวคาโดและกล้วยอย่างละครึ่ง เติมนมลงไปและใช้ส้อมบดให้เละ หรือปั่นด้วยเครื่องปั่นจนกว่าเนื้อจะเนียนละเอียด คุณอาจทำมากกว่า 1 มื้อแล้วใส่ตู้เย็นเอาไว้กินได้ถึง 4 วัน
- อะโวคาโดผสมกล้วยบดหยาบ: นำกล้วยสุกและอะโวคาโดสุกมาผสมกันบดหยาบ ๆ ให้เละ คุณสามารถให้ลูกกินได้เลยโดยไม่ต้องปรุงเพิ่ม
- อะโวคาโดผสมกล้วยแบบ BLW: หากคุณอยากให้ลูกถืออาหารและกินเอง (ฝึกลูกกินอาหารแบบ baby-led-weaning) ให้ใช้มือแบ่งกล้วยและอะโวคาโดเป็นชิ้นเพื่อให้ถือง่ายขึ้น คุณอาจเอาอะโวคาโดหรือกล้วยไปคลุกกับเกล็ดขนมปังเพื่อให้ผิวสัมผัสลื่นน้อยลงก็ได้
ลูกควรกินปริมาณเท่าไร?
องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าทารกควรเริ่มทานอาหารตั้งแต่อายุ 6 เดือน โดยให้เป็นอาหารเสริมนอกเหนือจากนมแม่หรือนมผง สำหรับช่วง 6-8 เดือนแรกที่เริ่มกินควรให้กินวันละ 2-3 มื้อ โดยสัดส่วนของแคลอรี่ที่ควรได้รับระหว่างนมแม่และอาหารแข็งควรเป็นดังนี้:
การเริ่มให้กินอาหารชนิดใหม่
พยายามให้ลูกเริ่มกินอาหารชนิดใหม่ตอนที่เขาหิว และควรให้กินครั้งละ 1 อย่างเพื่อสังเกตอาการแพ้อาหารที่อาจเกิดขึ้น เรียนรู้เกี่ยวกับการให้ลูกเริ่มกินอาหารแข็งได้ที่นี่
ข้อควรระวัง
หากคุณใช้วิธี baby-led-weaning ควรศึกษารายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับวิธีนี้อย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะเรื่องความแตกต่างระหว่างอาการสำลักและอาหารติดคอ และควรรู้ว่าต้องทำอย่างไรเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน