เมนูสำหรับทารก: แครอท

แครอทเป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุที่ดี อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี โพแทสเซียม และไฟเบอร์ สารอาหารเหล่านี้มีความสำคัญอย่างมากต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูก
ทำไมแครอทจึงดีต่อลูก?
แครอทเป็นอาหารที่ทารกสามารถเคี้ยวและกลืนได้ง่าย จึงเป็นอาหารที่เหมาะมากในการให้ทารกเริ่มกินอาหารแข็ง โดยรวมแล้วแครอทเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยสารอาหารและยังมีรสชาติอร่อยอีกด้วย จึงถือเป็นอาหารเสริมที่ดีสำหรับลูก
สิ่งที่ควรรู้
แครอทดิบและผักดิบชนิดอื่น ๆ นั้นเป็นอาหารย่อยยากสำหรับทารก และอาจให้สารอาหารได้น้อยกว่าแครอทที่ปรุงสุก นอกจากนี้ผักดิบอาจปนเปื้อนไปด้วยแบคทีเรีย เมื่อลูกกินเข้าไปอาจทำให้ป่วยได้ ดังนั้นควรดูให้แน่ใจว่าปรุงสุกทั่วทั้งชิ้น
ลูกจะเริ่มกินแครอทได้เมื่อไร?
คุณสามารถให้ลูกเริ่มกินแครอทได้ตั้งแต่เขาอายุ 6 เดือน แครอทมีรสชาติหวานอ่อน ๆ ทำให้ถูกปากทารกส่วนใหญ่ ถือเป็นอาหารที่อาจดึงดูดใจสำหรับเด็กที่เลือกกิน
เมนูแครอท
- แครอทบดละเอียด: นึ่งหรือต้มแครอทให้นิ่ม เมื่อสุกแล้วคุณสามารถปั่นให้เนื้อเนียนละเอียด หรืออาจใส่นมลงไปผสมเพื่อให้เนื้อเนียนขึ้น
- แครอทบดหยาบ: นึ่งหรือต้มแครอทให้สุก จากนั้นบดหยาบให้เละ ๆ คุณสามารถป้อนส่วนผสมนี้ให้ลูกกินได้เลยโดยไม่ต้องปรุงเพิ่ม
- แครอทแบบ BLW: ตัดแครอทที่ปรุงสุกแล้วออกเป็นชิ้นยาว ๆ ขนาดกว้างอย่างน้อยประมาณ 1 นิ้ว แครอทควรมีเนื้อนิ่มแบบที่ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางบีบแล้วเละ
- แครอทขูด: เมื่อลูกเริ่มชินกับการถืออาหาร และการเคี้ยวอาหารแล้ว คุณสามารถให้เขาลองทานแครอทแบบอื่น ๆ เช่นใช้ที่ขูดขูดแครอทเป็นชิ้นขนาดต่าง ๆ กัน
ลูกควรกินปริมาณเท่าไร?
องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าทารกควรเริ่มทานอาหารตั้งแต่อายุ 6 เดือน โดยให้เป็นอาหารเสริมนอกเหนือจากนมแม่หรือนมผง สำหรับช่วง 6-8 เดือนแรกที่เริ่มกินควรให้กินวันละ 2-3 มื้อ โดยสัดส่วนของแคลอรี่ที่ควรได้รับระหว่างนมแม่และอาหารแข็งควรเป็นดังนี้:
การเริ่มให้กินอาหารชนิดใหม่
พยายามให้ลูกเริ่มกินอาหารชนิดใหม่ตอนที่เขาหิว และควรให้กินครั้งละ 1 อย่างเพื่อสังเกตอาการแพ้อาหารที่อาจเกิดขึ้น เรียนรู้เกี่ยวกับการให้ลูกเริ่มกินอาหารแข็งได้ที่นี่
ข้อควรระวัง
หากคุณใช้วิธี baby-led-weaning ควรศึกษารายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับวิธีนี้อย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะเรื่องความแตกต่างระหว่างอาการสำลักและอาหารติดคอ และควรรู้ว่าต้องทำอย่างไรเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน