เมนูสำหรับทารก: ดอกกะหล่ำ

ดอกกะหล่ำเป็นผักที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อการพัฒนาสมองและระบบภูมิคุ้มกันของลูก
ทำไมดอกกะหล่ำจึงดีต่อลูก?
ดอกกะหล่ำมีไฟเบอร์ โฟเลท สารต้านอนุมูลอิสระและโคลีน ซึ่งล้วนแต่เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมองของลูก นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีซึ่งร่างกายใช้เพื่อช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กและเสริมระบบภูมิคู้มกันอีกด้วย
สิ่งที่ควรรู้
ควรปรุงดอกกะหล่ำให้สุกและนิ่มก่อนนำให้ลูกกิน ดอกกะหล่ำที่ยังดิบอยู่อาจทำให้ติดคอและอันตราย และควรตัดก้านกะหล่ำดอกตามทางยาวเพื่อให้เคี้ยวง่ายขึ้น
ลูกจะเริ่มกินดอกกะหล่ำกได้เมื่อไร?
คุณสามารถให้ลูกกินดอกกะหล่ำได้ตั้งแต่เขาอายุ 6 เดือน ดอกกะหล่ำเป็นแหล่งไฟเบอร์ที่ดีซึ่งจะช่วยให้ลูกถ่ายเป็นประจำ
เมนูดอกกะหล่ำ
- ดอกกะหล่ำบดละเอียด: ต้มหรือนึ่งดอกกะหล่ำจนสุกและนิ่ม จากนั้นปั่นในเครื่องปั่นจนกว่าเนื้อจะเนียนละเอียด ส่วนผสมนี้สามารถเก็บในช่องแช่แข็งได้ถึง 4 เดือน
- ดอกกะหล่ำหั่นชิ้น: ปรุงดอกกะหล่ำให้สุกและนิ่ม แล้วใช้มือฉีกออกเป็นชิ้น ๆ เพื่อให้ลูกถือกินได้อย่างสะดวก คุณสามารถเก็บดอกกะหล่ำที่ปรุงสุกแล้วไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทในตู้เย็นได้ถึง 4 วัน
- เทคนิคประหยัดเวลา: นำดอกกะหล่ำใส่ชามที่สามารถใส่ไมโครเวฟได้ จากนั้นปรุงสุกในไมโครเวฟ 3-4 นาทีเพื่อนึ่งให้สุกแบบด่วน หลังจากนึ่งสุกแล้วนำดอกกะหล่ำมาใส่กระทะ เหยาะน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันอะโวคาโดลงไปแล้วปรุงด้วยไฟปานกลาง 5 นาที
ลูกควรกินปริมาณเท่าไร?
องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าทารกควรเริ่มทานอาหารตั้งแต่อายุ 6 เดือน โดยให้เป็นอาหารเสริมนอกเหนือจากนมแม่หรือนมผง สำหรับช่วง 6-8 เดือนแรกที่เริ่มกินควรให้กินวันละ 2-3 มื้อ โดยสัดส่วนของแคลอรี่ที่ควรได้รับระหว่างนมแม่และอาหารแข็งควรเป็นดังนี้:
การเริ่มให้กินอาหารชนิดใหม่
พยายามให้ลูกเริ่มกินอาหารชนิดใหม่ตอนที่เขาหิว และควรให้กินครั้งละ 1 อย่างเพื่อสังเกตอาการแพ้อาหารที่อาจเกิดขึ้น เรียนรู้เกี่ยวกับการให้ลูกเริ่มกินอาหารแข็งได้ที่นี่
ข้อควรระวัง
หากคุณใช้วิธี baby-led-weaning ควรศึกษารายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับวิธีนี้อย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะเรื่องความแตกต่างระหว่างอาการสำลักและอาหารติดคอ และควรรู้ว่าต้องทำอย่างไรเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน