ธาตุเหล็ก
เมนูลูกรัก
ธาตุเหล็กเป็นแร่ธาตุสำคัญที่เด็ก ๆ ต้องการเพื่อให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ ธาตุเหล็กจะช่วยสร้างเม็ดเลือดฮีโมโกลบินซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในเม็ดเลือดแดง และมีหน้าที่พาออกซิเจนจากปอดไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การขาดธาตุเหล็กอาจทำให้เป็นโรคโลหิตจาง ซึ่งอาจกระทบต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูกน้อย
ลูกต้องการธาตุเหล็กปริมาณเท่าไร?
ปริมาณธาตุเหล็กที่ลูกน้อยต้องการจะขึ้นอยู่กับอายุของเขา
- เด็กทารก จะได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอจากนมแม่ หรือนมผงที่มีการเสริมธาตุเหล็ก สำหรับเด็กที่ขาดธาตุเหล็ก แพทย์จะให้ทานอาหารเสริมแบบหยดเพิ่มเติม ในช่วงอายุ 4-6 เดือนสามารถให้ทานอาหารเหลวที่เสริมธาตุเหล็กได้เช่น ธัญพืช เนื้อบด ตับ ไข่แดง เนื้อแดง และผักเขียว เช่น ผักโขม หรือบรอคโคลี
หลังจากนั้นปริมาณธาตุเหล็กที่เด็กควรได้รับต่อวันจะมีปริมาณเปลี่ยนไปตามช่วงอายุดังนี้
- อายุ 7-12 เดือน 11 มก. ต่อวัน
- อายุ 1-3 ปี 7 มก. ต่อวัน
- อายุ 4-8 ปี 10 มก. ต่อวัน
- อายุ 9-13 ปี 8 มก. ต่อวัน
- อายุ 14-18 ปี เพศหญิง 15มก. ต่อวัน
- อายุ 14-18 ปี เพศชาย 11มก. ต่อวัน
นักกีฬารุ่นเยาว์ที่ออกกำลังบ่อย ๆ จะสูญเสียธาตุเหล็กมากกว่า ดังนั้นจะต้องการธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น นอกจากนี้คนที่ทานมังสวิรัติเป็นประจำก็ควรได้รับธาตุเหล็กเพิ่มเติม
อันตรายของการขาดธาตุเหล็ก
เมื่อร่างกายมีธาตุเหล็กไม่เพียงพอ จะไม่สามารถสร้างฮีโมโกลบินได้เพียงพอ ผลที่ตามมาคือร่างกายจะสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงน้อยลง หากขาดธาตุเหล็กเป็นเวลานาน ๆ ก็จะทำให้เป็นโรคโลหิตจางเพราะขาดธาตุเหล็ก ซึ่งทำให้เด็กดูไม่มีเรี่ยวแรง ตัวซีด และรู้สึกเหนื่อยง่ายเนื่องจากเซลล์ในร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
การขาดธาตุเหล็กอาจเกิดในเด็กทารกได้หากเด็กได้รับอาหารที่มีธาตุเหล็กไม่เพียงพอ หรือร่างกายมีปัญหาในการดูดซึมธาตุเหล็ก การขาดธาตุเหล็กยังพบได้บ่อยในวัยรุ่นเพศหญิงที่กำลังมีประจำเดือนหากทานอาหารที่มีธาตุเหล็กไม่เพียงพอที่จะทดแทนเลือดที่สูญเสียไป
สาเหตุของการขาดธาตุเหล็ก
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ที่ทำให้เกิดภาวะขาดธาตุเหล็กมีดังนี้
- การคลอดก่อนกำหนดหรือน้ำหนักแรกเกิดน้อย
- เมื่อทารกอายุครบ 6 เดือนแล้วยังทานนมแม่ แต่ไม่ได้ทานอาหารอื่น ๆ ที่มีธาตุเหล็กเสริม
- ให้ทารกทานนมผงที่ไม่ได้มีการเสริมธาตุเหล็ก
- การให้เด็กดื่มนมมากเกินไป ทำให้ไม่ได้รับอาหารอื่น ๆ ที่มีธาตุเหล็กเพิ่มเติม
- การทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์
- การเสียเลือดเป็นเวลานาน ๆ
- ได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอ เนื่องจากวิตามินซีเป็นตัวช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก
- การดื่มชา ทั้งชาและกาแฟจะมีสารแทนนินซึ่งไปขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก
คุณแม่จะช่วยให้ลูกได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอได้อย่างไร?
วิตามินเสริม: หากคุณแม่ให้ทารกดื่มนมผงที่มีการเสริมธาตุเหล็ก เขาก็จะได้รับสารอาหารตามปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน แต่หากให้ลูกน้อยทานนมแม่ ควรปรึกษาคุณหมอเรื่องการให้ธาตุเหล็กเสริม ในกรณีที่ทารกคลอดก่อนกำหนดก็ควรทานธาตุเหล็กเสริม สำหรับเด็กทารกที่คลอดตามกำหนด สามารถให้ธาตุเหล็กเสริมได้เมื่ออายุ 4 เดือน และให้ธาตุเหล็กเสริมไปเรื่อย ๆ จนกว่าลูกน้อยจะสามารถทานอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กได้สองมื้อต่อวัน
ให้ลูกน้อยทานอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก: เมื่อเริ่มให้ลูกทานอาหารเหลว ควรให้เขาทานอาหารที่มีธาตุเหล็กเช่น ซีเรียลสำหรับเด็กที่มีการเสริมธาตุเหล็ก เนื้อบด หรือ ถั่วบด สำหรับเด็กโต อาหารที่เป็นแหล่งธาตุเหล็กได้แก่ เนื้อแดง ไก่ ปลา ถั่ว และผักโขม
อย่าให้ลูกดื่มนมมากเกินไป: เมื่อลูกน้อยอายุ 1-5 ปี อย่าให้เขาดื่มนมมากกว่า 700 มิลลิลิตรต่อวัน
เพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก: วิตามินซีจะช่วยให้ธาตุเหล็กที่ทานเข้าไปดูดซึมได้ดีขึ้น คุณแม่อาจช่วยให้ลูกดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้นโดยให้ทานอาหารวิตามินซีสูงเช่น ผลไม้ตระกูลส้ม แคนตาลูป สตรอเบอรี่ พริกหวาน มะเขือเทศ และผักใบเขียว
อาการของการขาดธาตุเหล็กในเด็ก
ส่วนใหญ่แล้วเด็ก ๆ ที่ขาดธาตุเหล็กจะไม่แสดงอาการใด ๆ จนกว่าจะเป็นโรคโลหิตจาง เมื่อเกิดโรคนี้จะมีอาการดังนี้
- ผิวซีด
- เหนื่อยง่าย
- มือและเท้าเย็น
- การเติบโต และพัฒนาการช้าลง
- ไม่เจริญอาหาร
- หายใจเร็วกว่าปกติ
- ปัญหาด้านพฤติกรรม
- ติดเชื้อได้ง่ายและบ่อย
- อยากกินของแปลก ๆ ที่ไม่ใช่อาหารเช่น น้ำแข็ง ดิน สี หรือแป้ง
หากลูกน้อยมีความเสี่ยงในการขาดธาตุเหล็ก หรือมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์
รับรองโดย:
นพ. ปิยวุฒิ กรีฑาภิรมย์ (8 กรกฎาคม 2021)