อาการคนท้องสัปดาห์ที่ 12
อาการคนท้องรายสัปดาห์
ในสัปดาห์นี้ลูกเริ่มที่จะงอนิ้วและกำมือได้แล้ว และข่าวดีสำหรับคุณแม่คือ อาการปวดปัสสาวะที่เคยมีอาจน้อยลงกว่าสัปดาห์ที่ผ่าน ๆ มา
ลูกเป็นอย่างไรบ้าง
สองสัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกเริ่มที่จะพัฒนาระบบหายใจโดยการหายใจเข้าออกอยู่ในน้ำคร่ำ ในตอนนี้ระบบหายใจของเขาก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการหายใจเมื่อออกมาจากท้องของคุณแม่ จนกว่าจะถึงตอนนั้นออกซิเจนที่ใช้ในการหายใจของเขาจะถูกส่งจากกระแสเลือดของคุณแม่ผ่านสายรกไปถึงเขา
ปฏิกิริยาตอบสนอง: สมองกำลังขยายใหญ่ขึ้นและซับซ้อนมากขึ้น ปลายประสาทที่มีหน้าที่รับสัมผัสเริ่มพัฒนา ทำให้ลูกเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง ถ้าในช่วงนี้คุณแม่สัมผัสบริเวณหน้าท้อง ลูกจะสามารถเคลื่อนไหวเพื่อนตอบสนองต่อการสัมผัสนั้นได้ แต่คุณแม่อาจจะยังไม่สามารถรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของเขาในตอนนี้ได้
ระบบย่อยอาหาร: ในสัปดาห์นี้ระบบย่อยอาหารของลูกจะเริ่มทำงานแล้ว โดยกล้ามเนื้อบริเวณลำไส้ของเขาจะค่อย ๆ เคลื่อนไหว
อุจจาระแรก: เมื่อทางเดินอาหารเริ่มทำงาน ลูกจะเรียนรู้การกลืนโดยการกลืนน้ำคร่ำ แต่น้ำคร่ำนั้นประกอบไปด้วยของเหลว เซลล์ และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำให้ของเสียเหล่านี้สะสมอยู่ในลำไส้ของเขา และจะขับออกมาเป็นอุจจาระแรกของเขาหลังคลอดออกมา อุจจาระแรกนี้มีชื่อเรียกว่า ขี้เทา(Meconium)
ของเสียบางส่วนที่ทารกกลืนเข้าไปอาจถูกส่งกลับเข้าสู่กระแสเลือดของคุณแม่ผ่านทางรกได้เช่นกัน
การเคลื่อนที่ของลำไส้: ในสัปดาห์ที่ 8 ของการตั้งครรภ์ ลำไส้จะเคลื่อนที่จากช่องท้องของลูกมารวมตัวกับสายสะดือ แต่ในสัปดาห์นี้ ลำไส้จะเคลื่อนกลับเข้าสู่ช่องท้องตามเดิม และจะคงอยู่ตรงนี้ไปตลอด
เล็บนิ้วมือ: บนนิ้วเล็ก ๆ ของลูกกำลังมีเล็บค่อย ๆ พัฒนาอยู่
ตอนนี้ลูกมีน้ำหนักประมาณ 14 กรัม และมีความยาวประมาณ 5.5 ซม. หรือขนาดประมาณผลมะนาว
คุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อคุณแม่ผ่านไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์มาแล้ว อาการต่าง ๆ ที่พบในไตรมาสแรกอาจลดลงและแทนที่ด้วยอาการใหม่ ๆ แทน ความถี่ในการปวดปัสสาวะจะน้อยลงและจะกลับมาถี่อีกครั้งในภายหลัง
ตกขาว: ตกขาวของคุณแม่อาจมากขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งถือเป็นอาการปกติ โดยตกขาวนี้ยังช่วยป้องกันการติดเชื้อในช่องคลอดอีกด้วย
อาการท้องผูก: ไม่ใช่คุณแม่ทุกคนที่จะมีอาการท้องผูกในช่วงตั้งครรภ์ แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งอาการที่พบได้บ่อยและอาจทำให้คุณแม่รู้สึกไม่สบายตัว โดยอาจมีอาการปวดท้องหรือเป็นตะคริวร่วมด้วย หากอาการปวดท้องไม่ดีขึ้น หรือมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับทางเดินหายใจ หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย คุณแม่ควรจะไปปรึกษาแพทย์ทันที
กรดไหลย้อน: คุณแม่อาจมีอาการกรดไหลย้อนซึ่งมีสาเหตุมาจากกระเพาะอาหารของคุณแม่ไม่สามารถย่อยอาหารที่มีรสชาติเผ็ดและมันได้เนื่องจากฮอร์โมนบางชนิดส่งผลให้กล้ามเนื้อในกระเพาะอาหารคลายตัว และยังมีครรภ์ของคุณแม่ที่ขยายตัวขึ้นเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของลูกและอาจไปกดทับกระเพาะอาหารทำให้น้ำย่อยไหล่ย้อนกลับไปที่หลอดอาหารจนเกิดเป็นกรดไหลย้อน
คุณแม่อาจพบอาการเหล่านี้เพิ่มเติมได้แก่ ปวดหัว ท้องอืด น้ำลายผลิตมากขึ้น และประสาทรับกลิ่นดีขึ้น
ทำอะไรได้บ้างในช่วงนี้
ทานอาหารให้น้อยลงในแต่ละมื้อ แต่ทานให้บ่อยขึ้นและช้าลง รวมไปถึงการดื่มน้ำเยอะ ๆ และทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจำพวกผักและผลไม้สด ถือเป็นวิธีที่ดีกับการรับมือกับอาการกรดไหลย้อน
ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ 300 กิโลแคลอรี่ ซึ่งอาจเทียบได้กับอะโวคาโด 2 ลูกเล็กหรือแตงกวา 2 กก.
โปรดทราบ
ทางทีมงานMali ได้พยายามรวบรวมข้อมูลที่อัปเดทล่าสุดมาให้กับคุณแม่หรือผู้อ่านแล้ว แต่ทั้งนี้ยังคงมีข้อสงสัยหลายอย่างที่ทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ยังคงต้องหาคำตอบต่อไปเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และพัฒนาการของทารกในครรภ์ ทางทีมเราจึงต้องการแจ้งให้ทราบว่าข้อมูลที่นำเสนออาจไม่ครอบคลุมเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการตั้งครรภ์ของแต่ละบุคคลหรือเด็กแต่ละคน
รับรองโดย:
พญ.วรรวดี ทรัพย์มี ปัญญากาศ (สูตินรีแพทย์) (20 ตุลาคม 2021)