ทำความรู้จักการฝากสเปิร์ม
การฝากสเปิร์ม หรือที่รู้จักกันในชื่อการแช่แข็งสเปิร์ม ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้บุคคลและคู่รักสามารถรักษาโอกาสในการมีบุตรเอาไว้ได้

การฝากสเปิร์ม หรือที่รู้จักกันในชื่อการแช่แข็งสเปิร์ม ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้บุคคลและคู่รักสามารถรักษาโอกาสในการมีบุตรเอาไว้ได้
การฝากสเปิร์มคืออะไร?
การฝากสเปิร์มเป็นกระบวนการในการเก็บรักษาสเปิร์มเอาไว้เพื่อใช้งานในอนาคต เทคนิคนี้จะใช้การเก็บน้ำอสุจิ จากนั้นนำไปผ่านกระบวนการและเก็บรักษาโดยการแช่แข็งในอุณหภูมิต่ำมาก (-196 องศาเซลเซียส) กระบวนการนี้ช่วยให้สเปิร์มยังคงคุณภาพและมีโอกาสในการผสมสูงแม้เวลาผ่านไปนานหลายปี
ข้อดีของการฝากสเปิร์มคืออะไร?
ถึงแม้ผู้ชายจะสามารถสร้างสเปิร์มได้จนอายุมาก แต่คุณภาพของสเปิร์มอาจลดลงไปตามอายุที่มากขึ้น ปริมาณสเปิร์ม การเคลื่อนไหวและรูปร่างที่ปกติของสเปิร์มจะลดลงไปเมื่อผู้ชายอายุมากขึ้น นอกจากนี้สเปิร์มของคนอายุมากอาจมี DNA ที่ผิดปกติซ่อนอยู่ ซึ่งส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่าง ๆ ต่อบุตร ดังนั้นการฝากสเปิร์มจึงเพิ่มโอกาสในการมีบุตรสำหรับผู้ชายที่ต้องการถ่วงเวลาการมีบุตรออกไป
กระบวนการการฝากสเปิร์มเป็นอย่างไร?
การฝากสเปิร์มมีหลายขั้นตอน เริ่มจากการเก็บตัวอย่างน้ำอสุจิ โดยทั่วไปแล้วทำโดยการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง หรือหากจำเป็นอาจใช้วิธีอื่น ๆ ในการเก็บตัวอย่าง
หลังจากการเก็บน้ำอสุจิ น้ำอสุจิจะถูกนำไปผสมกับน้ำยาสำหรับการแข่แข็งหรือไครโอโพรเทกแทนต์ (cryoprotectant) ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหายต่อสเปิร์มที่อาจเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการแช่แข็ง ตัวอย่างน้ำอสุจิจะถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วนและถูกนำมาใส่ในหลอดสำหรับแช่แข็งหลายหลอด จากนั้นจะค่อย ๆ ถูกแช่แข็งและนำไปไว้ในถังไนโตรเจนเหลว
เมื่อต้องการนำมาใช้งาน สเปิร์มที่ถูกแช่แข็งไว้จะถูกนำมาละลายและนำมาใช้ในเทคนิคเพื่อช่วยมีบุตรต่าง ๆ เช่น การฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI), การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF), หรือการทำอิ๊กซี่ (ICSI)
การฝากสเปิร์มเหมาะกับใคร?
การฝากสเปิร์มเป็นทางเลือกสำหรับบุคคลหลายกลุ่มดังนี้:
- ผู้ป่วยมะเร็ง: ผู้ชายที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง โดยเฉพาะคนที่กำลังจะเข้ารับการฉายแสงหรือการบำบัดด้วยรังสีซึ่งจะส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์
- ผู้ป่วยที่ต้องรับการผ่าตัด: ผู้ชายที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่อาจส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์
- บุคคลข้ามเพศหรือทรานส์เจนเดอร์: บุคคลที่เป็นเพศชายโดยกำเนิดซึ่งวางแผนจะรับการบำบัดด้วยฮอร์โมนหรือกำลังจะรับการผ่าตัดเพื่อแปลงเพศ
- ผู้ที่ทำเด็กหลอดแก้วหรือ IVF: คู่รักบางคู่ที่กำลังทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) อาจเลือกแช่แข็งสเปิร์มเอาไว้หากวันที่ทำการเก็บไข่อาจมีปัญหาในการเก็บสเปิร์ม
- บุคคลที่อยากยืดเวลาในการเป็นพ่อออกไป: ผู้ชายที่อยากถ่วงเวลาการมีลูกออกไปด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือเหตุผลอื่น ๆ
การฝากสเปิร์มเป็นวิธีการที่มีประสิธิภาพที่จะช่วยรักษาภาวะเจริญพันธุ์ อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับกระบวนการทางการแพทย์อื่น ๆ ผู้ที่สนใจจำเป็นต้องปรึกษาถึงกระบวนการกับผู้ให้บริการทางการแพทย์เพื่อจะได้เข้าใจประโยชน์ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง
การฝากสเปิร์มในประเทศไทย
ในประเทศไทย การฝากสเปิร์มได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างมากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีให้บริการในคลินิกสำหรับผู้มีบุตรยากในเมืองใหญ่หลายแห่งเช่นกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต ค่าใช้จ่ายในการฝากสเปิร์มในประเทศไทยอาจแตกต่างกันออกไปตามคลินิกและระยะเวลาในการฝาก โดยทั่วไปแล้วค่าใช้จ่ายในการเริ่มแช่แข็งและฝากสเปิร์มครั้งแรกอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 20,000 บาท โดยจะมีค่าเก็บรักษารายปีเพิ่มเติม โดยคลินิกส่วนใหญ่มักคิดค่าบริการเป็นแพคเกจควบคู่ไปกับบริการเพื่อผู้มีบุตรยากอื่น ๆ
รับรองโดย:
นพ. สิริเชษฐ์ อเนกพรวัฒนา (แพทย์ภาวะเจริญพันธุ์) (1 มิถุนายน 2023)