กล้วย
เมนูลูกรัก
กล้วยเป็นอาหารอ่อนนุ่ม มีรสหวาน ทานง่ายและยังอุดมไปด้วยสารอาหาร จึงเป็นหนึ่งในอาหารที่ดีที่สุดที่จะให้ลูกน้อยเริ่มทานเมื่อเขาจะได้ทานอาหารอื่นนอกจากนมแม่
ควรให้ลูกน้อยทานกล้วยเมื่อไร?
คุณแม่สามารถให้ลูกน้อยทานกล้วยได้เมื่อเริ่มให้เขาลองทานอาหารบด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสำหรับเด็ก ๆ จะเริ่มทานได้เมื่ออายุครบ 6 เดือน อาจเริ่มให้เขาทานได้โดยให้ทานกล้วยบด 2 ช้อนชาต่อวัน หรือตัดกล้วยเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วส่งเสริมให้ลูกหยิบทานเอง การให้เขาทานด้วยตัวเองจะช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ และทำให้ลูกรู้สึกดีเมื่อได้ทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง
ประโยชน์ของกล้วย
- อุดมไปด้วยสารอาหาร: กล้วยมีโพแทสเซียมสูง โพแทสเซียมเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับหัวใจและระบบประสาท นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดได้แก่ วิตามินเอ ซี ดี เค วิตามินบีหลายชนิด มีโฟเลต แคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และแมงกานีสอีกด้วย
- ไฟเบอร์สูง: กล้วยมีไฟเบอร์ปริมาณสูง ซึ่งทำให้รู้สึกอิ่มได้นาน นอกจากนี้ยังช่วยทำความสะอาดลำไส้ด้วย
- มีรสหวานตามธรรมชาติ: เด็กทารกมักชอบของหวาน และกล้วยก็มีรสหวานอร่อยตามธรรมชาติอยู่แล้ว ทำให้ทานง่ายสำหรับเด็ก ๆ
- ดีต่อกระดูก: กล้วยมีแคลเซียมและโพแทสเซียมปริมาณสูง ซึ่งช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง
- ช่วยพัฒนาสมอง: กล้วยมีโฟเลต ซึ่งจะช่วยในการพัฒนาสมองของลูกน้อย ช่วยพัฒนาความจำและป้องกันความเสียหายต่อสมอง
- ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก: ไฟเบอร์ในกล้วยจะช่วยให้ลำไส้ได้ทำงาน หากได้บริโภคในปริมาณพอเหมาะก็จะช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้
- ป้องกันโรคโลหิตจาง: กล้วยมีธาตุเหล็กซึ่งสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงให้เพียงพอต่อการใช้งาน
- ย่อยง่าย: โดยทั่วไปแล้วทารกจะสามารถย่อยกล้วยได้ง่าย
ข้อควรระวังเมื่อให้ลูกทานกล้วย
- สำหรับเด็กที่เพิ่งหัดทานอาหารบด ควรบดกล้วยให้ละเอียด หรือตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ
- ไม่ควรให้กล้วยที่ยังไม่ได้ปอกเปลือกกับลูก เพราะเขาอาจยังปอกไม่เป็น
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากล้วยที่ให้ลูกทานเป็นกล้วยที่สุกแล้ว วิธีเลือกคือเลือกลูกที่มีสีเหลืองเต็มลูก และดึงให้หลุดออกจากขั้วได้ง่าย กล้วยที่ไม่สุกอาจจะย่อยยาก
- ไม่ควรให้{ NAME }}ทานกล้วยในปริมาณมากเกินไป หรือเพื่อทดแทนมื้ออาหาร เนื่องจากอาจทำให้ลำไส้อุดตัน หรือกินอาหารมื้อหลัก/นมได้ลดลง
วิธีเก็บกล้วย
ควรเก็บกล้วยที่ยังไม่ปอกเปลือกไว้ในอุณหภูมิห้อง ไม่ควรใส่ในตู้เย็น หากคุณแม่ทำกล้วยบดเอาไว้ก็ควรแบ่งเป็นปริมาณที่พอเหมาะสำหรับบริโภค แล้วแช่ช่องแข็งเอาไว้ ไม่ต้องเป็นกังวลหากกล้วยบดเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนสีตามธรรมชาติ และไม่ได้แปลว่าเป็นอันตราย สามารถให้ลูกกินได้ตามปกติ
อย่างไรก็ตามหากคุณแม่ไม่อยากให้กล้วยกลายเป็นสีน้ำตาล ก็สามารถหั่นกล้วยเป็นแว่น ๆ แล้วจุ่มลงในน้ำมะนาว น้ำเลมอน หรือน้ำแอปเปิล กรดแอสคอร์บิกในน้ำผลไม้เหล่านี้จะช่วยป้องกันการเปลี่ยนสีโดยไม่ทำให้รสชาติของกล้วยเปลี่ยนแปลงไป
รับรองโดย:
นพ. ปิยวุฒิ กรีฑาภิรมย์ (22 กรกฎาคม 2021)