น้ำผลไม้
เมนูลูกรัก
น้ำผลไม้คั้นสดที่ไม่ผสมถือเป็นแหล่งวิตามินซีที่ดี อย่างไรก็ตามในน้ำผลไม้มีน้ำตาลตามธรรมชาติและมีความเป็นกรดอยู่ ส่วนผสมของน้ำตาลและกรดนี้อาจทำให้เด็ก ๆ ฟันผุได้
ควรให้ลูก เริ่มทานน้ำผลไม้เมื่อไหร่ดี
ควรรอจนลูกน้อยอายุครบ 12 เดือนก่อนให้เขาดื่มน้ำผลไม้ กุมารแพทย์แนะนำว่าไม่ควรให้ลูกดื่มน้ำผลไม้บ่อย ๆ เนื่องจากน้ำผลไม้อาจทำให้ฟันผุ และอาจให้แคลอรี่กับเด็กมากเกินไป ทำให้ไม่ได้รับสารอาหารจากอาหารอื่น ๆ
เทคนิคในการให้ดื่มน้ำผลไม้อย่างถูกวิธี
หากคุณเลือกจะให้ลูกดื่มน้ำผลไม้ เทคนิคเหล่านี้อาจช่วยได้ :
- ให้ลูกดื่มน้ำผลไม้ 100% เท่านั้น หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มผสมน้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มชงที่มีสารให้ความหวาน
- ให้ลูกดื่มน้ำผลไม้ในเวลาอาหาร และเติมน้ำให้เจือจางก่อน
- ให้ลูกดื่มน้ำผลไม้จากถ้วย ไม่ใช่จากขวด เพื่อป้องกันฟันผุ
- ควรเลือกน้ำผลไม้ที่มีรสอ่อน เช่น น้ำแอปเปิล
- จำกัดปริมาณน้ำผลไม้ที่ 100 มล. ต่อวัน
อันตรายที่อาจเกิดจากการดื่มน้ำผลไม้
- น้ำผลไม้ที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์ อาจมีแบคทีเรียที่เป็นอันตราย เช่น อีโคไล หรือซัลโมเนลลาได้
- การดื่มน้ำผลไม้มากเกินไป อาจทำให้ถ่ายเหลวหรือท้องเสียได้
- น้ำผลไม้ที่มีส่วนผสมของซอร์บิทอล หรือมีฟรุคโตสที่ให้ความหวานอยู่ในปริมาณสูงอาจทำให้ทารกเกิดอาการกระวนกระวาย, ท้องอืด หรือปวดท้องได้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดอาการอาหารไม่ย่อย
- การดื่มน้ำผลไม้มากเกินไปอาจทำให้ขาดสารอาหาร หรือเกิดภาวะโลหิตจาง เนื่องจากเด็กทารกไม่ได้รับสารอาหารที่สำคัญจากอาหารอื่น ๆ
- การดื่มน้ำผลไม้มากเกินไปอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเคลือบฟัน ทำให้ฟันผุได้ โดยมักเป็นปัญหาเมื่อให้ลูกน้อยดื่มจากขวด ไม่ได้ดื่มจากถ้วย
- การดื่มน้ำผลไม้มากเกินไป มีส่วนทำให้ส่วนสูงลดลง และเกิดโรคอ้วน
การใช้น้ำผลไม้เพื่อบรรเทาอาการท้องผูก
อาการท้องผูกอาจเกิดขึ้นได้เมื่อเด็กเล็ก (โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี) เริ่มทานอาหารแข็ง แพทย์บางคนแนะนำให้เด็กทานน้ำผลไม้ปริมาณเล็กน้อยเพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ดังนั้นหากลูกมีอาการท้องผูก อาจให้เขาทานน้ำผลไม้ 100% เช่น น้ำแอปเปิล, น้ำลูกพรุน หรือน้ำลูกแพร์ เพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ อย่าลืมสอบถามคุณหมอของลูกก่อนให้เขาทานน้ำผลไม้เพื่อบรรเทาอาการ
รับรองโดย:
นพ. ปิยวุฒิ กรีฑาภิรมย์ (22 กรกฎาคม 2021)